มหานครนิวยอร์ก 11 ตุลาคม 2024
“ไทเลอร์ นายยังไม่เก็บของเตรียมกลับบ้านอีกเหรอ?”
ชายหนุ่มวัยทำงานในเชิ้ตสีฟ้าอ่อนเงยหน้าขึ้นมาจากการจับจ้องไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ดีไซน์บางเฉียบไปสู่เสียงเรียกที่คุ้นเคย
ภาพตรงหน้าปรากฏเป็นเพื่อนร่วมงานที่นั่งทำงานข้างเขามาตลอดสี่ปีที่ได้ทำงานในบริษัทแห่งนี้
“ขอตรงนี้อีกแปปนะแอช เธอกลับก่อนเลยก็ได้
เดี๋ยวฉันปิดไฟออฟฟิศให้เอง”
งานที่ไทเลอร์ทำมันใกล้จะเสร็จแล้วในอีกไม่เกินสิบนาที
เขาไม่อยากที่จะมีอะไรติดค้างให้คิดในวันหยุดนี่นา
ยอมนั่งทำงานต่ออีกหน่อยเดียวในเย็นวันศุกร์ดีกว่าปล่อยเอาไว้แล้วกลับมาทำต่อในวันจันทร์ที่เป็นวันแห่งความขี้เกียจเป็นไหน
ๆ เลย
“งั้นฉันนั่งรอนายก็ได้ ฉันไม่อยากลงไปลานจอดรถคนเดียว
มันน่ากลัวแปลก ๆ พักหลังมา”
“ตามใจ”
ไทเลอร์ตอบแอชลี่ย์แล้วหันกลับไปโฟกัสกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ดังเดิม
เขากดคีย์บอร์ดสลับกับลากและคลิกเมาส์ไปมาด้วยความคล่องแคล่วกับโปรแกรมออกแบบกราฟิกที่มีไอคอนเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษสีส้มสองตัวที่ใคร
ๆ ก็บอกว่าใช้งานยาก
การถอนหายใจเป็นระยะกับฝ่ามือถูกยกขึ้นมาเท้าคางและมีการเอียงหัวไปมาบ้างในยามที่เพ่งพิจารณาดูว่าชิ้นงานในจอที่กำลังทำอยู่ออกมาดีพอหรือยัง
“ฉันว่านายใส่อะไรไว้ตรงนี้ด้วยดีไหม
ถ้าก๊อปก้อนตรงนี้มาวางล่ะเป็นยังไง?”
จู่ ๆ ไม่รู้ว่าตอนไหน คงเพราะอาจจะเบื่อและทำงานในตำแหน่งเดียวกัน
แอชลี่ย์ก็ได้ขยับเก้าอี้ของเธอมานั่งข้าง ๆ
กับไทเลอร์ที่กำลังใช้สมาธิทำงานอยู่
แอชลี่ย์ยื่นแขนของเธอออกมาชี้บริเวณที่ว่างในป้ายโปสเตอร์บนจอคอมพิวเตอร์ของเจ้าของเครื่องไปด้วยขณะออกความเห็น
ซึ่งก็จริงดังที่เธอว่า ไทเลอร์มองพลาดไปหน่อย
เขาจึงกดปุ่มที่คีย์บอร์ดค้างไว้แล้วคลิกลากเมาส์เพื่อทำซ้ำวัตถุนั้นก่อนจะหมุนมันเล็กน้อย
เป็นอันปิดงานที่เขาทำอยู่ให้เสร็จสมบูรณ์
“ขอบใจมากเลย ไม่ได้เธอมาช่วยเธอคงได้นั่งรอไปอีกซักพักนึงแน่”
หลังจากเก็บของที่มีไม่มากเท่าใดนักและคว้าเสื้อตัวนอกสีดำมาสวม
ทั้งสองคนก็ปิดไฟในห้องทำงานของฝ่ายการตลาดก่อนจะเดินไปที่โถงลิฟต์ของอาคาร
ท้องฟ้ายามเย็นด้านนอกเปลี่ยนเป็นสีส้มแดงสวย
ไม่นานลิฟต์ที่ไร้ผู้คนก็มาถึง
ทำให้การเหม่อลอยมองออกไปนอกอาคารสูงต้องถูกหยุดไว้เพียงเท่านั้น
“นี่ ว่าแต่ข้างบ้านของนายสรุปแล้วมีคนย้ายมาอยู่หรือยัง?”
พอประตูลิฟต์ปิดลง หญิงสาวข้าง ๆ
ในชุดพนักงานออฟฟิศที่มีสไตล์ก็ถามชายหนุ่มที่กำลังมองดูการแจ้งเตือนการจราจรที่ติดขัดเป็นปกติของมหานครใหญ่จากโทรศัพท์ของตนในมือ
“ยังเลย ฉันคิดอยู่เหมือนกันว่าเมื่อไหร่จะมีคนมาเช่าใหม่
มันก็สองเดือนมาแล้วนะนับจากที่คุณนายแฮร์โรลเธอย้ายออกไป”
บ้านที่ชายหนุ่มผู้ทำงานเป็นกราฟิกดีไซน์อาศัยอยู่นั้นเป็นกึ่ง ๆ
ทาวน์เฮ้าส์หน่อย ๆ
แล้วพอบ้านของเขาตั้งอยู่ติดกับที่ว่างของบ้านข้าง ๆ
พอดีก็ทำให้มีเพียงด้านเดียวเท่านั้นที่มีเพื่อนบ้านอยู่ด้วย
คุณนายแฮร์โรลเธอใจดีกับไทเลอร์มาตลอด
น่าเสียดายที่เธอแก่ตัวมากจนลูก ๆ
ของเธอเลือกพาเธอไปอยู่ที่บ้านของพวกเขาด้วยแทนแล้ว
แบบนี้เลยทำให้คนที่มีเพื่อนบ้านติดกันแค่ด้านเดียวแบบไทเลอร์เหงาไปมากเลย
แล้วเขาก็ได้เอาความเหงาที่มีมาระบายให้แอชลี่ย์ฟังแทบจะทุกวันต่อกันมาสองเดือนจนเธอน่าจะใกล้รำคาญเขามากแล้ว
“อืม... นายหาแฟนซักคนมีไหม? เดี๋ยวฉันช่วยเองเป็นไง นี่นะ
ฉันพึ่งอ่านเว็บตูนเรื่องใหม่มา พระเอกเป็นผู้ชายไทป์ซามอยด์ล่ะ
น่ารักสุด ๆ ไปเลย ว่าแล้วก็อยากขยุมแก้มเข้าให้”
ไทเลอร์ทำหน้าคิดตามก่อนจะขมวดคิ้วพอได้ยินคำอะไรแปลก ๆ
อะไรคือผู้ชายไทป์ซามอยด์?
“หืม? ไทป์ซามอยด์? มันคืออะไรเหรอ? หมายถึง... คนที่ตัวขาว ๆ
หรือมีขนฟู ๆ นุ่ม ๆ เหรอ?
นี่เธอเปลี่ยนไทป์ที่ชอบแล้วหรือยังไงกัน?”
คำถามของเพื่อนร่วมงานทำเอาแอชลี่ย์อดที่จะขำในความไม่รู้ของอีกฝ่ายไม่ไหว
และแน่นอนว่าพอเป็นแบบนี้ไทเลอร์ก็ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ ก็เขาไม่รู้จริง
ๆ นี่นา
“ฮ่า ๆๆๆ ไม่ใช่แบบนั้น
มันคือผู้ชายที่มีนิสัยเหมือนพวกหมาซามอยด์น่ะ
เฟลิกซ์กับไรเกอร์ก็เป็นพันธุ์ซามอยด์ไม่ใช่หรือยังไง?
นายน่าจะพอเดาได้นะ”
พอได้ยินแบบนั้นไทเลอร์ก็นึกตามและพูดไปด้วยกับลักษณะของเจ้าก้อนขนสีขาวที่ถูกเลี้ยงดูโดยพ่อกับแม่ของตน
ณ บ้านเกิดของเขาที่แวะไปปีละไม่กี่ครั้ง
ซึ่งทุกครั้งที่ไปก็จะถ่ายรูปลงในแอปพลิเคชันอินสตาแกรมตลอด
แอชลี่ย์ถึงได้รู้ว่าที่บ้านของเพื่อนร่วมงานของเธอมีเจ้าก้อนขนที่น่ารักนี้อยู่
“อืม... เฟรนด์ลี่ ขี้เล่น กระตือรือร้นวิ่งไปมา ชอบกอด...
นี่ฉันพูดว่าเฟรนด์ลี่ไปหรือยังนะ?”
คำว่าเฟรนด์ลี่ธรรมดาเฉย ๆ
คงจะใช้ไม่ได้กับเจ้าก้อนขนสีขาวสองตัวที่บ้าน
เพราะมันเฟรนด์ลี่มากกกก มากจนเกินไปในหลาย ๆ ที
แต่นอกเหนือจากนั้นซามอยด์ก็เป็นหมาที่ขี้เล่น อยู่ไม่นิ่ง
และชอบมากอดมาซุกในบางที ทั้งแบบนั้นก็อย่าให้ขนฟู ๆ กับตาแป๋ว ๆ
และหูตั้ง ๆ ของพวกมันมาทำให้มองว่าน่ารักล่ะ
เพราะซามอยด์ก็มีความดื้อพอสมควร
ถ้าหากมันไม่อยากทำอะไรมันก็จะไม่ทำเลย
มีครั้งนึงที่แม่ของไทเลอร์สั่งให้พวกมันเข้าบ้านซะเพราะฝนกำลังจะตก
พวกมันกลับทำหูทวนลมและวิ่งเล่นกันต่อซะงั้น
สุดท้ายวันนั้นบ้านก็เต็มไปด้วยรอยเท้าเปื้อนโคลนของพวกมัน
“อื้อ ๆ แบบนั้นเลย เขาน่ะนะน่ารักมากและติดนายเอกสุด ๆ
ฉันล่ะอยากมีแฟนไทป์แบบนี้บ้างจริง ๆ เห้อ… ให้ตายสิ”
จากนั้นแอชลี่ย์ก็ไล่บรรยายลักษณะของตัวละครพระเอกในเว็บตูนเรื่องนั้นที่เธอกำลังอ่านให้ไทเลอร์ฟังตลอดการเคลื่อนที่ลงของลิฟต์จนเขาเริ่มพอจะนึกออกแล้วว่าตัวละครตัวนั้นมีหน้าตาประมาณไหน
ใช้เวลาไม่นานพวกเขาก็ลงจากชั้น 28 มาถึงลานจอดรถใต้ดินของตัวอาคาร
เสียงพูดบอกชั้นบีสองพร้อมกับประตูที่เปิดออกทำให้การบอกเล่าความหลงใหลของแอชลี่ย์ต่อชายหนุ่มในเว็บตูนต้องจบลงเท่านี้
“เธอจอดรถไว้ตรงไหนนะวันนี้ แถวที่เดิมหรือเปล่า?”
ไทเลอร์ให้เพื่อนร่วมงานของเขาเดินออกไปก่อนขณะที่ตัวเองกดปุ่มเปิดประตูลิฟต์ค้างเอาไว้เพราะเคยได้ยินข่าวว่ามันเคยปิดหนีบคนมาด้วยในอดีต
ถ้าแอชลี่ย์โดนหนีบไปอีกคนเดี๋ยวเขาจะไม่มีเพื่อนบ่นเอา
“อื้อ แถว ๆ รถของนายนั่นแหละ
แล้วนี่นายไม่คิดอยากกลับมามีแฟนบ้างเหรอ?
จะได้ไม่เหงาด้วยเวลาข้างบ้านไม่มีคนมาเช่าแบบนี้”
ไม่รู้ไปมายังไงเหมือนกันที่สุดท้ายบทสนทนาถึงมาสู่หัวข้อนี้ได้
ก็ใช่อยู่ว่ามันก็เกือบสองปีมาแล้วที่ไทเลอร์เลิกกับแฟน
แต่ก็ไม่เห็นเลยว่ามันจำเป็นที่จะต้องมี
“ก็ไม่ได้ว่าเหงาแบบอยากมีแฟนซะหน่อย
ฉันก็บอกอยู่ว่าเหงาเพราะว่าข้างบ้านมันไม่มีคนมาเช่า”
เสียงของรองเท้าของคนสองคนเป็นเพียงเสียงเดียวที่ดังก้องไปตามลานจอดรถที่เริ่มว่างเปล่าของเย็นวันศุกร์ที่ใคร
ๆ ก็ต่างรีบกลับบ้านไปพักผ่อนหลังจากเหนื่อยมาทั้งสัปดาห์
จนที่ไทเลอร์หยุดเดินแล้วโวยวายใส่เพื่อนของเขาที่กลายเป็นเสียงที่ดังกว่าแทน
มันทำให้แอชลี่ย์ยิ้มออกมาด้วยความสนุกและหัวเราะหน่อย ๆ
ที่ได้เห็นเพื่อนของเธอมีท่าทางแบบนี้
ไทเลอร์ออกจะเป็นคนน่ารักและนิสัยดีขนาดนี้แท้ ๆ
แต่ทำไมถึงได้เจอแต่คนที่นิสัยไม่ดีตลอดเลยก็ไม่รู้
แอชลี่ย์เธอนึกถึงแฟนเก่าของไทเลอร์แล้วก็อดที่จะอยากกลอกตามองบนไม่ได้
“จ้า ๆ แล้วถ้าวันนึงมีผู้ชายไทป์ซามอยด์เข้ามาจีบนาย นายจะสนใจปะ?”
ถ้ามีผู้ชายที่มีลักษณะนิสัยแบบนี้เข้ามาในชีวิตเขาน่ะเหรอ... อืม...
ไทเลอร์นึกภาพไม่ออกเลยว่าจะมีวันนั้นจริง ๆ เหรอ?
“การจราจรบนถนนสาย ไอ-278 ฝั่งมุ่งหน้าสู่ Staten Island (สแตเทน
ไอแลนด์) มีความหนาแน่นเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาเลิกงานวันศุกร์ของนครนิวยอร์กแบบนี้...”
เสียงพูดจากวิทยุที่เปิดทิ้งไว้ดึงสติของไทเลอร์ให้กลับมาจดจ่อกับถนนตรงหน้าที่มีรถคลาคล่ำเต็มไปหมด
พวกมันค่อย ๆ
เคลื่อนตัวออกจากเมืองใหญ่ไปทีละน้อยด้วยความเร็วน้อยกว่า 15
ไมล์ต่อชั่วโมง
ไทเลอร์อาศัยจังหวะหนึ่งที่รถหยุดไม่มีการเคลื่อนไหวกดเชื่อมต่อโทรศัพท์ของเขาเข้ากับรถยนต์
ก่อนจะกดเปิดแอปเล่นเพลงที่เป็นไอคอนโน้ตเพลงสีชมพูขึ้นมา
นิ้วไถหน้าจอไปจนถึงอัลบั้มที่มักจะชอบนำมาฟังตอนขับรถอย่าง folklore
ของเทย์เลอร์ สวิฟต์
แม้แอชลี่ย์จะชอบบอกเขาก็ตามว่าให้เปิดอัลบั้มแบบ Red (Taylor’s
Version) หรือไปปั่นยอดให้ The Tortured Poets Department ยังดีกว่า
เพราะอัลบั้มนี้กับ evermore เธอฟังแล้วมันง่วง
แต่ในเมื่อไทเลอร์ขับรถอยู่คนเดียว
เขาจะทำอะไรตามใจก็ย่อมไม่มีใครมาขัดได้
แต่ทันใดนั้นโดยไม่มีที่มา
ความคิดเกี่ยวกับผู้ชายไทป์ซามอยด์ก็แล่นเข้ามาในหัวของเขา
คงเป็นเพราะการฟังแอชลี่ย์พูดเรื่องนี้ในลิฟต์กับเรื่องที่เธออยากให้เขามีแฟนแน่
ๆ ที่ทำให้จู่ ๆ ไทเลอร์คิดถึงเรื่องนี้
ก็อย่างที่ได้บอกไปกับแอชลี่ย์
ไทเลอร์ในวัยยี่สิบหกปีไม่ได้อยากที่จะมีคนรักอะไรในตอนนี้เท่าไหร่
การได้พูดคุยกับแอชลี่ย์ตัวเป็น ๆ
สามวันต่อสัปดาห์และนอกรอบผ่านแชตมากมาย การที่มีเพื่อนสนิทคนอื่น
และคนที่เจอบ่อย ๆ รอบ ๆ บ้านกับร้านค้า
แค่นี้มันก็เพียงพอแล้วกับเขา แต่ถ้าหากมีคนแบบนั้นเข้ามาจริง ๆ
ก็ไม่ปฏิเสธหรอกนะที่จะลองดู
คนที่เหมือนเจ้าก้อนซามอยด์ที่บ้านงั้นเหรอ... ก็น่ารักดีออก
แต่จะมีคนแบบนั้นอยู่บนโลกนอกเว็บตูนของแอชลี่ย์จริง ๆ เหรอ?