My Next-door Neighbor by: kritzy_8 special thanks: Naiya, mfindyoursoul, and Somsiri

Chapter 2 - ซามอยด์มีสีน้ำตาลไหม?

ติ๊ด ๆๆๆๆ
“อือ... เช้าแล้วเหรอ เร็วจังเลย อืม...”
ช่วงเวลาในวันเสาร์อาทิตย์ผ่านไปเร็วราวกับว่ามันไม่ได้มียี่สิบสี่ชั่วโมงเหมือนวันอื่น ๆ ในสัปดาห์ และถึงแม้วันจันทร์เองก็จะเป็นวันหยุดเนื่องในวันโคลัมบัส[1] แต่ก็ไม่ได้ทำให้มันรู้สึกว่าเวลาที่ได้พักผ่อนนอนเป็นผักอยู่เฉย ๆ มันมากขึ้นเสียเท่าไหร่เลย เพราะไทเลอร์นอกจากจะมีงานบ้านที่ต้องทำเป็นประจำอย่างการซักผ้าและการกวาดถูบ้านแล้ว เขายังมีจานชามกับอุปกรณ์ที่ใช้ทำอาหารมากมายให้ล้างด้วยจากความคึกที่อยากจะทำอะไรกินเอง และถึงแม้จะมีเครื่องล้างจานที่ช่วยทุ่นแรงได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเครื่องครัวทุกชิ้นของเขาจะสามารถโยนเข้าเครื่องล้างจานได้หมดซะหน่อย
หลังจากหาวเป็นรอบนี้สิบหลังจากล้างหน้า กางเกงขายาวและแจ็กเกตก็ถูกสวมทับชุดที่ใส่นอนเรียบร้อย ในเช้าวันอังคารที่ทางบริษัทของไทเลอร์ให้เป็นวันทำงานแบบ work from home กับวันจันทร์นั้น ก่อนจะถึงเวลาเริ่มทำงานตอนเก้าโมงเช้าก็ยังมีเวลาเหลืออีกราวชั่วโมงครึ่งแบบนี้ ไทเลอร์ได้เลือกที่จะใช้มันไปกับการจ๊อกกิ้งระยะสั้น ๆ เข้าไปในย่าน Brighton Heights (ไบร์ทตันไฮทส์) ของ Staten Island เพื่อออกกำลังกายและหาดูว่ามีอะไรน่าซื้อกลับมากินระหว่างนั่งทำงานและตอนเที่ยงหรือเปล่า
นับตั้งแต่โควิดไม่ใช่โรคร้ายแรงอะไรเป็นต้นมาหลังจากปี 2021 บริษัท Existed ก็ได้มีการโหวตจากพนักงานกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ให้วันจันทร์และอังคารของทุกอาทิตย์เป็นวันที่ให้พนักงานสามารถทำงานที่บ้านหรือที่รู้จักกันในชื่อ work from home ได้ เพราะในช่วงโควิดที่มีการล็อกดาวน์เมืองจนโลกหยุดนิ่งและเกิดภาพราวกับในภาพยนตร์ไปทั่วโลก ใคร ๆ ก็ได้รับรู้ว่าแท้จริงแล้วงานส่วนใหญ่ของพวกเขามันก็สามารถทำจากที่บ้านได้โดยไม่มีผลกระทบต่อผลลัพธ์ใด ๆ แถมยังไม่ต้องเสียเวลาแต่งตัวและฝ่ารถติดอันน่ากลัวของนครนิวยอร์กไปที่ออฟฟิศอีก
ใช่อยู่ว่าเรื่องแบบนี้มันใช้ไม่ได้กับทุกคน เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะอยู่คนเดียวหรืออยู่ในสถานะที่จะสามารถทำงานจากที่บ้านได้โดยไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ฉะนั้นหากใครที่ไม่สะดวกก็จะยังคงเข้าออฟฟิศไปทำงานที่นั่นตามปกติ ในขณะที่คนส่วนใหญ่จะหายหน้าหายตาไปจากออฟฟิศในช่วงสองวันนี้ของสัปดาห์ มีก็เพียงแอปพลิเคชัน Slack[2] กับอีเมลหรือช่องทางอื่น ๆ เท่านั้นที่ให้ไว้สื่อสารกันได้
ซึ่งไทเลอร์ก็เป็นหนึ่งในคนที่ยินดีกับนโยบายบริษัทที่มาจากผลโหวตนี้ เนื่องจากการเดินทางจากบ้านของเขาเข้าไปยังออฟฟิศมันจะต้องฝ่ารถที่ติดอย่างมหาศาลกว่าชั่วโมงครึ่ง เวลามากมายขนาดนั้นเอาไปนอนได้หนึ่งอิ่มเลยไม่ใช่หรือยังไง? หรือไม่ก็เอามาใช้เป็นเวลาออกกำลังกายตอนเช้าก็ดีต่อร่างกายอีก แล้วนี่ยังไม่นับนะว่าตอนเลิกงานก็สามารถกลิ้งเข้าไปในครัวเพื่อหาอะไรกินหรือทำอะไรยาก ๆ ได้เลย ไม่ต้องรอฝ่ารถติดกลับมาที่บ้านก่อนจนแทบจะหมดแรงเคี้ยวข้าว
และแม้สถานการณ์รถติดในช่วงหลัง ๆ จะดีขึ้นบ้างเล็กน้อยจากนโยบายเก็บค่าธรรมเนียมการจราจรคับคั่ง[3]ที่ได้ผ่านการอนุมัติโดยรัฐบาลของรัฐนิวยอร์กและรัฐบาลกลางเสร็จสิ้นในปี 2023 อันจะเริ่มต้นใช้งานในอีกไม่ถึงสองเดือนในวันที่ 5 มกราคมที่จะถึงนี้ หลังจากมีการเลื่อนมาเพราะเหตุด้านความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อเศรษฐกิจของเมืองในช่วงฟื้นฟูหลังโควิด แต่มันก็ได้ทำให้จำนวนผู้ใช้รถลดลงไปกว่าหนึ่งในสามแล้วเพราะคนเริ่มเปลี่ยนไปใช้ขนส่งสาธารณะแทนในช่วงที่กฎหมายใกล้มีผลบังคับใช้ แต่กระนั้นรถก็ยังติดอยู่ดีเป็นช่วง ๆ โชคยังดีที่บริษัทของไทเลอร์จะมีการมอบค่าเดินทางชดเชยในส่วนนี้ให้กับพนักงานที่มีรถยนต์ส่วนตัวด้วย ทำให้ในอนาคตที่พอค่าธรรมเนียมนี้มีผลบังคับใช้ ไทเลอร์ก็จะไม่ต้องกังวลกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมาเท่าใดนัก
 
“วันนี้อากาศเย็นลงกว่าเมื่อวานอีก เตรียมเสื้อหน้าหนาวออกมาไว้รอเลยดีไหมหว่า...”
ภาพบนหน้าจอโทรศัพท์ของไทเลอร์แสดงตัวเลขบอกอุณหภูมิ 46 องศาฟาเรนไฮต์ (7.7 องศาเซลเซียส) แบบนี้มันทำให้คนที่ยืนเกาหลังของตนเองอยู่หน้าประตูบ้านเริ่มคิดที่จะเตรียมเอาเครื่องแต่งกายหน้าหนาวที่เก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าส่วนลึกออกมาปัดฝุ่นเผื่อได้เอามาใส่ดีหรือเปล่า แต่พอเลื่อนลงมาดูพยากรณ์อากาศของทั้งสัปดาห์แล้วเห็นว่ามันจะค่อย ๆ กลับไปอุ่นเท่าเดิมเขาก็เลือกที่จะไม่สนใจและสวมรองเท้าต่อ
แอ๊ด...
ประตูหน้าบ้านถูกเปิดออกไปหลังไทเลอร์สวมรองเท้าเสร็จ พอปิดมันลงพร้อมกับล็อกกุญแจมันเสร็จเขาก็เดินต่อมาเจอเข้ากับแสงแดดยามเช้าส่องมาทำให้ตาต้องหรี่ลงโดยอัตโนมัติ ฝ่ามือข้างหนึ่งถูกยกขึ้นตามมาเพื่อใช้บังแสงอุ่น ๆ ที่ส่องสว่างจ้านี้
“อ้าว คุณไทเลอร์ อรุณสวัสดิ์ครับ”
เสียงเรียกดึงให้ไทเลอร์หันหน้าไปมองทางที่มาของเสียงเรียก ซึ่งก็ไม่ใช่ใครเสียนอกจากแมทธิว เพื่อนบ้านของเขานั่นแหละที่กำลังถอยรถมอเตอร์ไซต์สุดเท่จากโรงรถออกมาจอดไว้ที่ริมถนนหน้าบ้านอยู่ ดูเหมือนว่ากำลังจะเตรียมตัวออกไปข้างนอก
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณแมทธิว”
ไทเลอร์ใช้มืออีกข้างที่ไม่ได้ใช้บังแดดโบกมือตอบคนเด็กกว่าขณะกล่าวทักทายในยามเช้าของวัน ดีจริง ๆ ที่บรรยากาศแบบนี้กลับมาอีกครั้ง เพราะสมัยที่คุณนายแฮร์โรลเธอยังเป็นเพื่อนบ้านของไทเลอร์อยู่ เขากับเธอก็มักจะทักทายกันในเวลาราว ๆ นี้เป็นประจำเกือบทุกวัน
“เอ่อ... คุณไทเลอร์ไม่ได้ไปทำงานเหรอครับวันนี้? ค- คือผมไม่ได้จะบอกว่าคุณไทเลอร์ไม่มีงานทำนะครับ ผมแค่เห็นว่าชุดที่ใส่ไม่เหมือนว่าจะออกไปทำงาน ก็เลย... แหะ ๆ”
แมทธิวถามขณะมองมาที่ชุดที่ไทเลอร์กำลังใส่อยู่ ไม่ว่าเขามองยังไงก็ไม่น่าจะใช่ชุดที่เพื่อนบ้านของเขาจะใส่ไปทำงานอย่างแน่นอน ก่อนจะร้อนตัวว่าเผลอไปว่าพี่แกแบบนั้นที่คิดหรือเปล่า ก็เลยแก้ตัวไปอย่างลก ๆ จนน่าเอ็นดู
“ฮะ ๆ ไม่เป็นไรครับผมเข้าใจ คือบริษัทของผมเขาให้ work from home ได้ทุกวันจันทร์กับอังคารน่ะครับ ตอนนี้ก็เลยว่าจะออกไปจ๊อกกิ้งซักหน่อยให้พอสดชื่น คุณแมทธิวกำลังจะออกไปทำงานเหรอครับ?”
หมวกกันน็อกถูกวางลงบนเบาะหนังของรถมอเตอร์ไซต์ในตอนที่ไทเลอร์เดินไปหัวเราะไปใกล้แมทธิวมากขึ้นใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ริมทางที่ช่วยให้ไม่แสบตาจากความจ้าของแดดยามเช้า
เมื่อวานกับวันจันทร์ไทเลอร์ไม่ได้เจอกับแมทธิวเลย วันนี้ก็เลยอยากพูดคุยกับเพื่อนบ้านของเขาต่ออีกเสียหน่อยเพื่อให้คุ้นเคยกันมากกว่าเก่า
“ครับ บริษัทของผมอยู่ย่าน Midtown นู่นแหนะครับ ผมเป็นนักดนตรีแหละ ตำแหน่งมือกีตาร์ พึ่งเดบิวต์ได้ไม่ถึงเดือนดีเลย ชื่อวงว่า The Seasons นะครับเผื่อคุณไทเลอร์รู้จักหรืออยากไปส่องดู”
The Seasons เป็นวงแบนด์วงใหม่ของค่าย Glassnote Entertainment ค่ายเพลงที่เป็นที่รู้จักในด้านของวงอินดี้มากมายและการให้อิสระอย่างมากกับศิลปินภายในค่าย ประกอบไปด้วยสมาชิกทั้งหมดสี่คน มีภาพลักษณ์ของเมมเบอร์สะท้อนฤดูทั้งสี่ของปีออกมาได้อย่างเด่นชัด และยอดขายของอัลบั้มแรกก็กำลังเป็นไปได้ด้วยดีเลยด้วยอีกต่างหาก ตัววงของแมทธิวนี้จะเน้นทำเพลงในสไตล์ป๊อปร็อกเป็นหลัก ให้ความรู้สึกเหมือนมีกลุ่มผู้ชายวัยหนุ่มต้น ๆ มาเล่นดนตรีให้ฟังอะไรแบบนั้น
“เหมือนเคยได้ยินผ่าน ๆ ในวิทยุหรือยังไงอยู่นี่แหละนะ แต่โห... Glassnote มันอยู่ตั้งเกือบ ๆ Central Park แล้วไม่ใช่เหรอนั่น ขับมอเตอร์ไซต์ไปขนาดนั้นไม่เหนื่อยแย่เหรอครับ?”
Glassnote Entertainment ตั้งอยู่ที่หัวมุมของถนนเล็กซิงตันตัดกับถนนอีสต์ 60 ส่วนสวนสาธารณะขนาดใหญ่ยักษ์ของชาวนิวยอร์กนั้นอยู่เริ่มต้นที่ถนน 59 ไปจนถึงถนน 110 นั่นหมายความว่าค่ายเพลงนี้ใช้เวลาในการเดินทางไปจากบ้านของแมทธิวเท่า ๆ กับไป Central Park เลย และมันก็ไกลกว่าบริษัท Existed อีกด้วยซ้ำ
“ถึงจะไกลแต่ผมชอบขี่มอเตอร์ไซต์ครับ ได้ตากลมไปดูท้องถนนไป ไม่เหนื่อยเท่าไหร่เลย แล้วคุณไทเลอร์ล่ะครับทำงานอยู่ที่ไหน- เอ่อ... ผมเสียมารยาทอีกหรือเปล่าเนี่ย ขอโทษด้วยนะครับ”
แมทธิวลนลานน้อย ๆ เมื่อรู้ตัวว่าคำถามนี้อาจจะยังเร็วไปหน่อยที่จะใช้ถามคนตรงหน้าที่มีอายุมากกว่าหน่อย ๆ เจ้าตัวเลขรีบกล่าวขอโทษทันที
“ไม่เป็นไรครับ ๆ ผมทำงานอยู่ที่ Existed น่ะ อยู่ที่ถนนเส้นเดียวกับค่ายเพลงของคุณเลย”
Existed ก็ตั้งอยู่บนถนนเล็กซิงตันเช่นเดียวกันกับ Glassnote Entertainment แต่อยู่ที่จุดตัดกับถนนอีสต์ 46 ที่อยู่ต่ำกว่าลงมาสิบสี่บล็อกแทน ใช้เวลาเดินทางน้อยกว่าไปได้หน่อยนึง
“คุณไทเลอร์ทำงานเป็นดีไซเนอร์เหรอครับ โห ผมเจอคนดังเข้าแล้วหรือเปล่าครับเนี่ย? หูว...”
พอได้ยินชื่อบริษัทที่คนผมดำตรงหน้าทำงานอยู่แมทธิวก็มีความคิดแรกเข้ามาทันทีว่าตำแหน่งที่คนพี่ทำงานอยู่ต้องเป็นอะไรเกี่ยวกับการออกแบบเสื้อผ้าแน่นอน ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น ไทเลอร์ก็คงจะเป็นคนออกแบบเสื้อผ้าที่มีชื่อสินะ
“ไม่ใช่ครับไม่ใช่ 555 ผมเป็นแค่กราฟิกดีไซน์ครับ แต่ก็ตำแหน่งดีไซน์เหมือนกันนะ แค่ออกแบบ artwork ไม่ได้ออกแบบเสื้อผ้า”
ในตอนที่พูดตอบ ไทเลอร์ยกมือขึ้นมาปัดไปมาในอากาศประกอบด้วยว่าตำแหน่งหน้าที่การงานเขาไม่ใช่แบบที่คนในเสื้อหนังสีดำคิดเลย ถ้าหากเขาเป็นดีไซเนอร์เสื้อผ้านะ ไทเลอร์คงไปซื้อบ้านหลังใหญ่ ๆ อยู่แล้วล่ะ ไม่มาอยู่บ้านของครอบครัวของตัวเองหรอก
“อ๋า... แต่ก็เป็นบริษัทใหญ่ที่มีชื่อนะครับ ผมอิจฉาหน่อย ๆ เลย แต่ถ้ายังไงคุณไทเลอร์เรียกผมแค่แมทเฉย ๆ ก็ได้นะครับ แล้วก็ไม่ต้องสุภาพมากหรือไม่สุภาพเลยก็ได้ ผมชิล ๆ อยู่แล้ว”
แมทธิวพยักหน้า ก่อนจะยิ้มกว้างให้กับคนเป็นพี่พร้อมกับบอกชื่อเล่นของตนที่คนรอบข้างมักจะเรียกเขาไป และใช่ จริง ๆ แมทธิวก็เคยฝันว่าอยากที่จะทำงานในบริษัทใหญ่ ๆ แบบนั้นบ้าง แต่ตัวเขาไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัยนี่นา และจริง ๆ เส้นทางในวงการดนตรีมันก็สนุกดี การได้มาถึงจุดนี้ที่เป็นอยู่มันก็เหนือจริงมาก ๆ แล้ว
“ถ้าแบบนั้นเรียกผมว่าไทเฉย ๆ ก็ได้เหมือนกันนะ เผื่อจะดูสนิทกันมากขึ้นกว่าเดิม”
ไทเลอร์เลือกลดความสุภาพของคำพูดลงอีก แต่จู่ ๆ ก็มีภาพซ้อนของอะไรบางอย่างเข้ามาในหัวอีกแล้วตอนที่เห็นแมทธิวยิ้ม ครั้งนี้มันคุ้นมากกว่าตอนวันเสาร์อีก และเขาว่าเขารู้แล้วว่าเคยเห็นใบหน้าของแมทธิวมาจากที่ไหน
“ผมไม่กวนเวลาตอนเช้าของคุณไทเลอร์แล้วดีกว่า ขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ ไว้คุยกันอีกทีหลัง”
“ได้เลย ขับรถดี ๆ ล่ะแมทธิว”
รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นราวกับเจ้าของใบหน้าไม่ได้เหนื่อยเลยที่จะทำมัน ดูเหมือนว่าแมทธิวจะชอบที่ไทเลอร์เรียกเขาแค่ชื่อเฉย ๆ โดยไม่มีคำว่าคุณมาก ๆ เลยนะนั่น
 
รถมอเตอร์ไซต์สีดำแล่นออกไปตามถนนที่มีต้นไม้สองข้างทาง สายตาของไทเลอร์มองดูจนมันเลี้ยวลับสายตาไปที่แยกไกล ๆ แล้วจึงถอนหายใจออกมายาว ๆ
“เหมือนได้กลับบ้านไปเล่นกับเฟลิกซ์กับไรเกอร์เลย ก็ว่าอยู่ว่ารอยยิ้มแบบนี้เคยเห็นมาจากไหน”
ไทเลอร์รู้แล้วว่าใบหน้ายิ้ม ๆ ของแมทธิวเหมือนกับอะไร สุนัขพันธุ์ซามอยด์นั่นเอง แถมจะว่าไปแมทธิวก็ดูเป็นคนเป็นคนเฟรนด์ลี่ซะด้วยสิ อย่าบอกนะว่านี่คือคนไทป์ซามอยด์ที่แอชลี่ย์พูดถึงน่ะ...
ไม่หรอกมั้ง...
 
หูฟังไร้สายถูกหยิบมาสวม มือก็เลื่อนหาอัลบั้มที่อยากจะเปิดประกอบการจ๊อกกิ้งในโทรศัพท์ไปด้วยจนมาหยุดที่อัลบั้ม Reputation ที่ไทเลอร์ก็ภาวนาอยู่เรื่อย ๆ ให้ Taylor’s Version ถูกปล่อยออกมาเร็ว ๆ และไหน ๆ ก็ไม่ได้ฟังมาซักพักแล้ว ไทเลอร์เลยเลือกอัลบั้มนี้มาฟังในเช้าวันนี้ เขากดเข้าไปที่หน้าปกอัลบั้มสีขาวดำ จากนั้นจึงกดเริ่มเล่นแบบสุ่มได้มาเป็นเพลง Getaway Car เพลงแรก หนึ่งในเพลงที่เขาชอบมากเสียด้วยสิ
เมื่อเพลงพร้อมและชุดพร้อม ไทเลอร์ก็ได้ยืดเส้นยืดสายที่หน้าบ้านของตนอย่างใจเย็นให้ร่างกายพร้อม แล้วจากนั้นก็ค่อยออกวิ่งเหยาะ ๆ ไปทางด้านทิศเหนือที่จะมุ่งหน้าเข้าสู่ย่านกลางเมืองของ Staten Island อันจะมีจุดหมายปลายทางที่เขาตั้งใจเอาไว้ว่าจะไปอยู่
 
รอยต่อระหว่าง Tompkinsville (ทอมกินส์วิลล์) กับ Brighton Heights บริเวณถนนวิคตอรี่ยังคงเป็นย่านที่มาเดินกี่ทีไทเลอร์ก็ไม่เคยที่จะเบื่อเลย ร้านรวงมากมายเปิดตลอดสองข้างทางจนเลือกไม่ถูกว่าจะอยากกินหรือซื้ออะไรดีสำหรับวันนี้ อาหารเม็กซิกันก็น่าสนใจ แต่อาหารไทยก็น่าอร่อย ไม่สิ อาหารอิตาเลียนดีกว่า
“กินอะไรดีหว่า? หรือว่าพิซซ่าให้มันจบ ๆ ไปดี? แต่ถ้าพิซซ่าก็ต้องร้านนั้น แล้วมันยังไม่เปิดนี่สิ อ๊ะ!”
ไทเลอร์ยืนพิงกับกำแพงอยู่ขณะครุ่นคิดว่าสรุปแล้วเขาจะอยากซื้ออะไรกลับบ้านไปไว้นั่งกินระหว่างทำงานช่วงใกล้ ๆ เที่ยงหรือเปล่า แต่ในตอนนั้นนั่นเองที่แอปพลิเคชันก้อนคำพูดสีขาวบนพื้นหลังสีเขียวจะมีแจ้งเตือนดังขึ้นมาบนจอโทรศัพท์
 
[Ashley S. Garret]
ไท นายตื่นยัง?
นายส่งไฟล์โปสเตอร์ที่นายทำวันศุกร์ให้ฉันหน่อย
ฉันเกือบลืมไปเลยว่าจะต้องได้เอามันไปทำแอนิเมชันต่อ
 
[Tyler A. Flynn]
ตื่นแล้ว แต่...
(รูปร้านอาหารไทยกับอาหารอิตาเลี่ยน)
เธอว่าฉันกินอะไรดี
 
[Ashley S. Garret]
...
อาหารไทยไป แล้วส่งไฟล์ให้ฉันด้วยล่ะ
 
[Tyler A. Flynn]
โอเค ขอบคุณที่ช่วยเลือก
ส่วนไฟล์รอแปปนะ
 
หลังจากยิ้มอย่างมีความสุขเพราะได้กวนเพื่อนร่วมงานของตนแล้ว ไทเลอร์ก็เลือกเดินเข้าร้านอาหารไทยประจำย่านไปซื้อผัดไทยมาหนึ่งห่อเพื่อเอาไว้กินช่วงเที่ยงตามที่แอชลี่ย์เป็นคนเลือกให้ ก่อนจะจ๊อกกิ้งเบา ๆ มาเรื่อยจนกลับมาถึงบ้านในเวลาแปดนาฬิกาสี่สิบห้านาที ช้ากว่าที่คิดไปพอสมควรเลย คงเพราะมัวแต่เลือกร้านของกินไม่ได้กับเพราะคุยกับแมทธิวอยู่แน่ ๆ
หลังจากทำการอาบน้ำล้างเหงื่อจากการออกกำลังกายยามเช้าและความง่วงผสมความขี้เกียจที่ยังหลงเหลือบ้างเล็กน้อยไปจนสดชื่นแล้ว ไทเลอร์ก็คว้าเอาแมคบุ๊คเครื่องเก่งจากห้องทำงานที่ชั้นสามลงมานั่งทำงานที่โซฟาของห้องนั่งเล่นชั้นสองที่มีความเป็นกันเองมากกว่าห้องทำงานห้องนั้น มือขวากดคลิกเปิดโปรแกรมสื่อสารภายในบริษัทที่เป็นสีสี่สีขึ้นมาเป็นอย่างแรก ก่อนที่จะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้พอมองเห็นรูปโปรไฟล์ของแอชลี่ย์
 
[Tyler A. Flynn]
แอช ฉันถามอะไรหน่อยสิ
 
[Ashley S. Garret]
ว่า
แล้วไฟล์ฉันได้หรือยัง?
 
[Tyler A. Flynn]
แปป ขอถามอันนี้ก่อน
ซามอยด์มีสีน้ำตาลหรือเปล่า?
 
[Ashley S. Garret]
คำถามอะไรของนาย
 
[Tyler A. Flynn]
(ลิงก์ไฟล์โปรเจกต์งานที่แอชขอ)
 
[Ashley S. Garret]
ขอบใจ
ก็มีนะ ถึงจะไม่น้ำตาลเข้มเหมือนหมาพันธุ์อื่น ๆ แต่ก็เห็นว่าจริง ๆ ซามอยด์มีหลายสีเลย แค่สีขาวเป็นสีที่นิยมที่สุดเฉย ๆ
นายถามทำไมเหรอ?
 
[Tyler A. Flynn]
ไม่มีอะไรหรอก
ฉันไปทำงานต่อละ
 
เมื่อได้คำตอบของคำถามที่สงสัย ไทเลอร์ก็เลิกแชตกับเพื่อนร่วมงานของเขาแล้วไปตั้งใจทำงานกับโปรแกรมภาษาอังกฤษสองตัวสีส้มโปรแกรมเดิมที่เขาปวดหัวกับมันมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่ถ้าไม่ทำงานก็จะไม่มีเงินไปกินของอร่อย ๆ ฉะนั้นไทเลอร์เลยสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วทำงานต่อไป แม้ว่าในฝั่งของแอชลี่ย์จะเกิดคำถามขึ้นแทนว่าเพื่อนของเธอเป็นอะไรถึงได้ถามอะไรแปลก ๆ แบบนี้?
แต่สุดท้ายตอนพักเที่ยงไทเลอร์ก็รู้สึกสงสัยจนทนไม่ไหวอีกเรื่อง เพลงของวงของแมทธิวเป็นเพลงแบบไหนหว่า? ถ้าหากจะสนิทกับเพื่อนบ้านได้เราก็ต้องพูดในเรื่องที่เขาสนใจใช่ไหมล่ะ นั่นเลยกลายมาเป็นสิ่งที่ไทเลอร์ทำขณะกินผัดไทย อย่างการกดเข้าแอปสตรีมมิ่งไอคอนโน้ตเพลงสีขาวบนพื้นหลังสีชมพูในโทรศัพท์ ก่อนจะลองกดฟังเพลงที่มีดาวแสดงอยู่ก่อนชื่อเพลงในอัลบั้มแรกและอัลบั้มเดียวของวงในตอนนี้ที่มีชื่อเช่นเดียวกับชื่อวง ซึ่งดาวนั้นเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่านี่คือเพลงที่เป็นที่นิยมในอัลบั้มนี้
เสียงดนตรีป๊อปร็อกดังไปทั่วห้องนั่งเล่น มอบความรู้สึกสดใสปนความเท่และคูลไปด้วยในทำนองและเนื้อเสียงของสมาชิกวงแต่ละคน จนมาถึงท่อนฮุกที่มีจังหวะชวนให้โยกตัวตามที่เป็นน้ำเสียงของคนที่ไทเลอร์พึ่งคุยด้วยเมื่อตอนเช้า ที่มันทำให้ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขาเบิกกว้างขึ้นพร้อมกับปากที่อ้าออก
“โห...”
น้ำเสียงที่สดใส อบอุ่น และแฝงไปด้วยความเร่าร้อนห้อมล้อมตัวของไทเลอร์เอาไว้จนหมด แบบนี้สินะที่เขาเรียกว่าโดนตก น้ำเสียงตอนพูดว่าน่าฟังแล้ว เสียงของแมทธิวตอนร้องเพลงนี่น่าฟังยิ่งกว่าเก่าอีก
รู้ตัวอีกที เพลงที่กำลังไต่ชาร์ท Billboard Hot 100 อยู่อันดับที่สิบนิด ๆ ก็จบลงโดยไม่รู้ตัว พร้อมกับรายชื่อเครดิตผู้ที่ทำเพลงนี้อยู่ท้ายสุดในหน้าเนื้อเพลง ซึ่งแน่นอนว่าในเหล่าผู้คนที่ไม่รู้จักนั้น มีชื่อ Matthew S. Cooper ที่โดดเด่นขึ้นมาชื่อเดียวในฐานะชื่อของเพื่อนบ้านของไทเลอร์
มือของไทเลอร์กดดูหน้าเครดิตของเพลงเพิ่มเติม นอกจากมันจะบอกว่าแมทธิวเป็นมือกีตาร์แล้ว เขายังมีชื่ออยู่ในส่วนของคนแต่งเนื้อเพลงและโปรดิวเซอร์ด้วยอีกต่างหาก นี่มันจะเก่งเกินอายุไปมากแล้วจริง ๆ นะ
“ซีดีอัลบั้มนึงนี่มันกี่ดอลลาร์วะ? น่าสนับสนุนน้องมันอยู่เหมือนกันนะเนี่ย”
 
จบวันนั้น ไทเลอร์ก็กดเข้าเว็บไซต์ของวงไปดูราคาซีดีอัลบั้มของ The Seasons ก่อนจะพบว่ามันขึ้นว่าสินค้าหมดไปแล้ว เมื่อลองค้น ๆ ดูก็ได้รู้ว่ามันขายหมดมาอาทิตย์กว่า ๆ แล้วและยังไม่มีของล็อตใหม่เข้ามาเลย แบบนี้น่าจะเป็นฝั่งของแมทธิวมากกว่าไทเลอร์นะที่เป็นคนดังน่ะ
“แต่ว่าซามอยด์สีน้ำตาลก็มีเหรอ? อืม...”
งั้นถ้าคนที่มีผมสีน้ำตาลแบบแมทธิวจะเป็นไทป์ซามอยด์ก็น่าจะเป็นไปได้สิ
 
 
[1] Columbus Day (วันโคลัมบัส) - วันหยุดเนื่องในการค้นพบทวีปอเมริกาของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส โดยจะหยุดในทุกวันจันทร์ของสัปดาห์ที่สองของเดือนตุลาคม
[2] Slack (สแล็ก) – แอปพลิเคชันสำหรับใช้สื่อสารกันระหว่างบุคคลหรือกลุ่มบุคคลภายในองค์กรเดียวกัน
[3] The New York Congestion Relief Zone (นโยบายเก็บค่าธรรมเนียมการจราจรคับคั่ง) – เป็นการเก็บค่าผ่านทางเข้าสู่พื้นที่ในย่านธุรกิจ (ทิศใต้ของถนน 60 ลงมา) ของเกาะแมนฮัตตันสำหรับยานพาหนะ มีจุดมุ่งหมายเพื่อลดการจราจรที่ติดขัดอย่างมากในเขต Midtown และ Lower Manhattan และให้ประชาชนใช้ขนส่งสาธารณะแทน