“ฮึบ...”
ไทเลอร์ยืดตัวขึ้นไปชะเง้อดูข้าวของมากมายภายในตู้เก็บของเหนือศีรษะภายในห้องครัวของเขา
นอกจากอาหารกระป๋องที่มีตุนไว้ก็มีพวกจานชามกับเครื่องครัวที่นาน ๆ
ใช้ถูกวางทิ้งไว้ให้ฝุ่นจับด้วย
หลังจากกวาดสายตาดูข้าวของเดิม ๆ ไทเลอร์ก็ปิดประตูตู้ลงดังเดิม
ก่อนจะหันไปเห็นจากนาฬิกาเวลาว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะห้าโมงเย็นแล้ว
อีกเดี๋ยวถ้าไม่รีบออกไปจ๊อกกิ้งก็จะมืดก่อนได้
ไทเลอร์เลยหยุดการสำรวจข้าวของภายในบ้านเพื่อหาว่ามีอะไรต้องเก็บไปทิ้งหรือเปล่าในวันนี้เอาไว้เพียงเท่านี้
เสื้อแจ็กเกตถูกหยิบมาสวมกับกางเกงขายาวที่เป็นเนื้อผ้าแบบเดียวกัน
ไม่หนาแต่ก็ไม่ได้บางจนอากาศเย็นสามารถทำให้หนาว
ก่อนจะกดสวิตช์ปิดไฟในห้องนอนแล้วถือเอาโทรศัพท์ กุญแจบ้าน
กับหูฟังไร้สายรวมไว้ในมือเพื่อเตรียมออกไปข้างนอก
เย็นนี้ไทเลอร์คิดว่าหลังจากจ๊อกกิ้งเสร็จแล้วจะสั่งพิซซ่ามากินอีกดีกว่า
เพราะว่าขี้เกียจทำกับข้าวกิน
แต่ก็ยังจะแวะร้านของนัยย่าเหมือนเดิมนะ
พอออกจากบ้านที่อบอุ่นมาเจออากาศเย็นสบาย
ในตอนที่กำลังจะหยิบหูฟังไร้สายมาสวม
ไทเลอร์ก็เหลือบไปเห็นคนหน้าตาคุ้นเคยอยู่ข้างบ้านพอดี
แมทธิวกำลังถอยมอเตอร์ไซต์ออกมาจากในโรงรถ
ช่วงเย็นแบบนี้คงจะออกไปหาอะไรกิน
“แมท”
โดยปกติแล้วเขาจะโดนคนน้องทักตลอด รอบนี้เลยขอเปลี่ยนไปทักก่อนบ้าง
“หืม? อ้าว! พี่ไทเลอร์ จะไปวิ่งเหรอครับ?”
ไทเลอร์เหมือนเห็นภาพหูที่ตั้งขึ้นแล้วหันหน้ามาตามต้นเสียงที่เรียกชื่อจากแมทธิวเลยเมื่อกี้
ท่าทางที่ยิ้มออกมาหลังเห็นอีกว่าใครที่เป็นคนเรียกชื่อก็ยิ่งทำให้ไทเลอร์เชื่อว่าแมทธิวเหมือนเจ้าก้อนขนที่บ้านของเขา
“อื้อ นายก็จะออกไปข้างนอกเหรอ?”
โทรศัพท์ในมือของไทเลอร์ถูกใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงหลังจากกดเล่นเพลงให้มันคลอไปเบา
ๆ รอบนี้เขาแค่มาทักทายเพื่อนบ้านของเขาแค่แปปเดียวแค่นั้นนั่นแหละ
ไม่ได้กะว่าจะคุยนานอะไรเลยไม่ได้กดหยุดเพลง
“ครับ แต่ไม่ได้รีบออกไปเท่าไหร่ ผมแค่ถอยรถออกมาไว้ก่อนเฉย ๆ”
แมทธิวตอบไปก็เข็นมอเตอร์ไซต์ของเขาถอยหลังต่อออกมาจอดไว้ที่ทางลาดไป
ไม่มีวี่แววของหมวกกันน็อก
อีกฝ่ายคงกว่าจะออกไปก็อีกอย่างที่พูดนั่นแหละ
เพราะปกติทุกครั้งแมทธิวจะสวมหมวกกันน็อกเสมอ
“อืม... พี่มาทักนายเฉย ๆ งั้นไว้เจอกันนะ”
เมื่อทักทายพอได้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนแล้วเรียบร้อย
ไทเลอร์ก็ขอตัวกลับไปออกกำลังกายต่อ
และโบกมือลาให้กับคนผมสีน้ำตาลตัวสูง
จากนั้นก็หันหลังเดินกลับไปทางถนนที่จะพาเขาไปยังสวนสาธารณะที่ไปจ๊อกกิ้งเป็นประจำ
แต่แล้วในขณะที่ไทเลอร์เริ่มเดินห่างจากหน้าบ้านของแมทธิวออกไปนั้นเอง
“พี่ไท! ผม... ไปวิ่งด้วยได้ไหมครับ?”
ดูเหมือนว่าวันนี้ไทเลอร์จะมีเพื่อนมาจ๊อกกิ้งด้วยเป็นครั้งแรกนะ
“ปกติพี่ไทเลอร์มาจ๊อกกิ้งที่สวนนี้เหรอครับ?”
ลมแรงจากมอเตอร์ไซต์พัดผ่านคนทั้งสองที่นั่งอยู่บนมันไปขณะที่รถเคลื่อนตัวไปตามถนน
ทำให้เสียงของคนขับที่นั่งอยู่ด้านหน้าอู้อี้หน่อย ๆ
แต่ก็ยังพอฟังรู้เรื่อง
“อื้อ มันใหญ่ สงบ แล้วก็ใกล้บ้านดี”
มือของไทเลอร์เกาะที่ตัวของคนน้องเอาไว้เพื่อไม่ให้หงายหลังตกลงไปในขณะที่รถสองล้อคันนี้เร่งความเร็วขึ้นอีกนิด
“เกาะเอวผมก็ได้นะครับพี่ ผมกลัวพี่ตก”
ได้ยินแบบนั้น
ไทเลอร์ก็เลยเลื่อนมือของตัวเองจากบริเวณไหล่ลงไปที่เอวของแมทธิว
ซึ่งก็มั่นคงกว่าเยอะเลยจริง ๆ นั่นแหละ
หลังจากที่ไทเลอร์อนุญาตให้แมทธิวมาร่วมจ๊อกกิ้งกับเขาได้
อีกฝ่ายก็ตาเป็นประกายแล้ววิ่งหายเข้าไปเปลี่ยนชุดในบ้านด้วยความรวดเร็ว
เสื้อกีฬาที่เป็นลายของทีมชื่อดังประจำประเทศถูกเปลี่ยนมาใส่แทนชุดที่จะใส่ออกไปข้างนอก
แถมมอเตอร์ไซต์คันเท่ที่ถูกถอยออกมาก็ได้กลายมาเป็นพาหนะนำเขาและเพื่อนบ้านเจ้าของของมันมายังสวนที่มีชื่อว่า
Silver Lake Park ด้วยกัน
Silver Lake Park
เป็นสวนขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลไปจากบ้านของไทเลอร์และแมทธิว
สวนถูกตั้งขึ้นรอบ ๆ
อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีเค้าโครงและจุดประสงค์ในการก่อสร้างไม่ต่างไปจากสวนชื่อดังอย่าง
Central Park ที่อยู่ห่างไปในคนละ borough ทางตะวันออกเฉียงเหนือ
ที่แห่งนี้นอกจากจะมีอ่างเก็บน้ำแล้ว
ก็ยังมีพื้นที่สีเขียวที่มีทางเดินตัดผ่านให้ผู้คนออกมาพักผ่อนหรือออกกำลังกาย
สนามกีฬาเองก็กระจัดกระจายอยู่รอบ ๆ เช่นกัน
ปิดท้ายด้วยสนามกอล์ฟทางปลายสุดด้านตะวันตกเฉียงใต้ที่เชื่อมไปยังสวนสาธารณะอีกแห่งในชื่อ
Clove Lakes Park ที่ก็เป็นสวนสวยที่ร่มรื่นไม่ต่างกัน
และหากวันไหนที่ไทเลอร์อารมณ์สุนทรีย์ก็มักจะเดินเชื่อมต่อกันไป
แต่นั่นก็นาน ๆ ครั้งทีนึงเพราะไม่ค่อยจะมีเวลาเท่าไหร่
ใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีแมทธิวก็บังคับรถมอเตอร์ไซต์ของเขามาจนถึง
Silver Lake Park ได้อย่างปลอดภัย
หมวกกันน็อกถูกส่งจากมือของไทเลอร์คืนเจ้าของเพื่อเอาไปห้อยเอาไว้คู่กันที่ตัวรถ
รอให้ถูกหยิบมาสวมอีกทีก็ตอนกลับบ้าน
บรรยากาศยามเย็นที่สวนแห่งนี้ก็ยังคงเหมือนกับทุกครั้งที่ไทเลอร์มา
แต่ไม่รู้ทำไม รอบนี้บรรยากาศเหงา ๆ
ของฤดูใบไม้ร่วงมันเหมือนจะมลายหายไปสิ้นเลย
“เดี๋ยวพี่วอร์มร่างกายก่อนแปปนึงนะ นายก็ทำด้วยก็ดี”
ไทเลอร์พูดบอกคนที่กำลังมองสำรวจสถานที่ใหม่อยู่พร้อมชี้ไปทางม้านั่งที่อยู่ตรงปากทางเข้าสวน
“ได้ครับ”
ขาของไทเลอร์ยืดออกสลับข้างกันเพื่อให้ร่างกายเตรียมพร้อมสำหรับการออกกำลังกาย
แม้จะเป็นแค่การจ๊อกกิ้งช้า ๆ
แต่ก็ดีกว่าที่จะวอร์มร่างกายเอาไว้ด้วย
เพราะหากเกิดการบาดเจ็บมาทีหลังมันจะไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่
เพราะนอกจากจะกระทบชีวิตประจำวันแล้วมันยังจะทำให้ไม่ได้มาสูดอากาศบริสุทธิ์ที่สวนสวย
ๆ แบบนี้เป็นเวลาหลายวันด้วย
แมทธิวเองจริง ๆ
ก็เข้ายิมที่ออฟฟิศของเขาเป็นประจำอยู่แล้วแต่พอเห็นคนพี่ขยับตัวไปมาในการยืดเส้นยืดสายและชวนเขา
ก็เลยทำตามบ้างราวกับว่าพี่ข้างบ้านของเขาเป็นกระจก
จนในจังหวะที่ไทเลอร์หยุดข้างท่านึงไว้ครู่นึงก็หันมาเจอเข้า
คนที่ถูกเอาไปเป็นต้นแบบในการวอร์มร่างกายเลยหลุดหัวเราะออกมานิดนึง
“อย่าขำผมดิพี่”
“อื้ม ๆ ทำต่อไปไป”
คำว่าน่าเอ็นดูก็ยังเหมาะกับผู้ชายคนนี้จริง ๆ นั่นแหละ
เมื่อสิ้นสุดการวอร์มร่างกาย
ไทเลอร์ก็เริ่มเดินไปตามทางเท้าของสวนสาธารณะแห่งนี้ช้า ๆ
โดยมีคนตัวสูงกว่าเดินไปด้วยข้าง ๆ ก่อนจะค่อย ๆ
เร่งความเร็วขึ้นทีละนิดจนเป็นการวิ่งจ๊อกกิ้งในที่สุด
“พี่ว่าจะวิ่งรอบสระน้ำนี้รอบครึ่งนะ
ส่วนอีกครึ่งรอบจะเอาไว้เดินให้ร่างกายคูลดาวน์ นายโอเคใช่ไหม?”
นั่นคือกิจวัตรปกติของไทเลอร์ แม้จะดูไม่ได้อะไรมากหากเทียบกับใคร
แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าปกติแล้วแมทธิวได้ออกกำลังกายมากน้อยแค่ไหน
ก็เลยถามเอาไว้ก่อนเผื่อว่ามันจะหนักเกินไปสำหรับอีกฝ่าย
“สบายมากครับพี่ ผมวิ่งบนลู่วิ่งในยิมเยอะกว่านี้อีกปกติ”
สำหรับแมทธิวแล้ว ปกติแล้วเขาจะวิ่งแถว ๆ สี่ถึงห้าไมล์นู่นแหนะ
แค่จ๊อกกิ้งรอบสระน้ำในสวนนี้สองรอบเอง น่าจะแค่ราว ๆ สองไมล์เองมั้ง
และเมื่อได้ยินดังนั้นศีรษะของไทเลอร์ก็พยักหน้าเข้าใจ
“โอเค แต่นายก็อย่ารีบวิ่งนักสิ
นี่จ๊อกกิ้งนะไม่ใช่วิ่งร้อยเมตรในโอลิมปิก 555”
พอได้ออกมาข้างนอกแมทธิวก็เหมือนจะมีพลังมากกว่าปกติ
ก็เลยเผลอวิ่งเร็วไปหน่อยจนนำหน้าคนที่เขาขอมาด้วยไปพอประมาณแล้ว
ไทเลอร์เลยต้องได้เรียกอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนที่จะหายไปไหนไกล
“ผมตื่นเต้นนี่นาพี่ ผมไม่ได้มาทำอะไรแบบนี้กับคนรู้จักนานมากแล้ว
ส่วนใหญ่ก็ออกกำลังกายคนเดียวตลอดเลย พี่ไทเลอร์ก็วิ่งเร็วเข้าครับ”
เท้าของแมทธิวยังคงย้ำเป็นจังหวะแม้ยืนรอไทเลอร์อยู่กับที่
เขาก็ว่าเขาไม่ได้วิ่งเร็วอะไรไปมากนะ
แต่ถ้าหากไทเลอร์บอกแบบนั้นเขาก็จะลดความเร็วลงก็ได้ให้เท่า ๆ
กับอีกฝ่าย
“แรงเยอะดีจังเลยนะนายน่ะ พี่เห็นแล้วก็นึกถึงตัวเองเมื่อก่อนเลย
ส่วนตอนนี้แค่ออกมาวิ่งแบบนี้ให้ได้บ่อย ๆ ก็เหนื่อยละ เห้อ...”
การถอนหายใจพร้อมกับส่ายหน้าแบบติดตลกเกิดขึ้นเมื่อไทเลอร์พูดประโยคนั้นจบลง
แม้จะอายุแค่ 27 ปี
แต่เขาก็เริ่มรู้สึกแล้วว่าร่างกายมันไม่ค่อยจะเหมือนเดิมซักเท่าไหร่
ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าในช่วงอายุสามสิบแล้วเขาจะเป็นยังไง
แล้วยิ่งถ้าสี่สิบอีก... แค่คิดแบบนั้นไทเลอร์ก็เริ่มปวดหลังละ
“พี่อย่าพูดแบบนั้นสิครับ พี่ยังไม่แก่ซักหน่อย”
“ไอ้แมท พี่ยังไม่ได้บอกว่าพี่แก่ซักคำ นายจะว่าพี่แก่เหรอ?”
ไทเลอร์รีบสวนแมทธิวกลับทันควันพร้อมกับจะวิ่งเข้าไปจัดการน้องมันที่ว่าเขาแก่
อายุแค่ยี่สิบเจ็ดมันจะมาแก่อะไร คนเราไม่ได้จะตายตอนสามสิบซักหน่อย
“ด- เดี๋ยวพี่ อ๊ากกกก”
พอเห็นไทเลอร์วิ่งเข้ามาหาเร็วขึ้นเรื่อย ๆ
แมทธิวก็สัมผัสได้ถึงอันตรายที่กำลังใกล้ตามเข้ามา
เขาเลยร้องออกมาลั่นแล้วรีบวิ่งหนีไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ทันที
เกิดเป็นภาพของผู้ใหญ่สองคนวิ่งไล่กันในสวนสาธารณะที่เงียบสงบ
“แฮก... แฮก... พ- พี่จะไม่ทำอะไรผมใช่ปะ?”
พอวิ่งไปได้ซักระยะนึงความเหนื่อยก็เข้ามาแทนความกลัว
แมทธิวเลยได้หยุดพักเหนื่อยอยู่ใต้ต้นไม้ต้นใหญ่
ส่วนไทเลอร์ก็หอบไม่ต่างกันและกำลังค่อย ๆ เดินตามมาอย่างช้า ๆ
“นี่แหนะ!”
ใบหูของแมทธิวถูกคนพี่ยื่นมือมาดีดไปทีนึงเป็นการทำโทษที่มาว่าว่าไทเลอร์แก่
ก่อนที่เสียงหัวเราะจะดังไปทั่วทั้งบริเวณเมื่อทั้งสองคนรู้ตัวว่าพึ่งทำอะไรที่เหมือนเด็ก
ๆ เขาจะทำกัน ทั้ง ๆ ที่แต่ละคนก็อายุขนาดนี้แล้ว แต่เอาจริง ๆ
แล้วก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเสียหน่อย
คนเราสามารถทำตัวสนุกสนานเป็นเด็กได้ตลอดนั่นแหละตราบใดที่ไม่ได้ไปสร้างเรื่องให้คนอื่นต้องปวดหัวน่ะ
“น่าอายอะพี่ แต่ผมสนุกดีนะ ฮ่า ๆๆ”
แมทธิวพูดไปตัวสั่นไปจากการหัวเราะที่ยังไม่หยุดลง
รอยยิ้มกว้างปรากฏติดต่อกันนานหลายวินาทีจนใครที่เดินผ่านพวกเขาไปในสวนสาธารณะแห่งนี้ก็ต้องเหลียวหลังหันมามองในความเจิดจ้าของมัน
“แต่คนที่ร้องลั่นแล้ววิ่งคนแรกมันนายไม่ใช่หรือยังไง?
มาอายอะไรก่อน”
มือถูกยกขึ้นมาปาดเหงื่อออกก่อนจะขยับไปหมุนเปิดกระติกน้ำที่ไทเลอร์พกติดตัวมาด้วยเสมอเวลาออกมาจ๊อกกิ้งข้างนอก
ชายคนที่ทำงานมากว่าครึ่งทศวรรษดื่มมันเข้าไปชดเชยแทนเหงื่อที่ออกมามากมายจากการวิ่งไล่เพื่อนบ้านของเขา
จะว่าไปแล้วมันก็ไม่รู้นานแค่ไหนแล้วที่ไทเลอร์ได้วิ่งไล่คนอื่นแบบนี้
เพราะกับแอชหรือคนที่ทำงานก็ไม่น่าจะเคยทำ
ไม่นับวิ่งเล่นกับไรเกอร์แล้วก็เฟลิกซ์นะ เพราะนั่นมันหมา
“แถวนี้มีร้านขายของชำหรือมีตู้น้ำดื่มไหมอะพี่ ผมหิวน้ำมากเลย”
แมทธิวถามพร้อมหันไปมองทางซ้ายทีขวาทีเพื่อหาน้ำดื่มที่ไม่ใช่น้ำในสระน้ำขนาดใหญ่ตรงหน้าที่กินไม่ได้
“อืม… เอานี่ไปกินก็ได้นะ”
จริง ๆ สวนแห่งนี้ก็มีร้านขายของอยู่รอบ ๆ อยู่
รวมถึงตรงอาคารกิจกรรมของสวนก็มีน้ำพุให้กดดื่มได้
แต่มันก็ห่างจากตรงนี้อยู่พอสมควร
ไทเลอร์เลยยื่นกระติกน้ำของตนที่พึ่งดื่มไปแค่ราวหนึ่งในสามให้คนที่กำลังเหงื่อซกอยู่ข้าง
ๆ ดื่ม
“ได้เหรอครับ?”
ดวงตาสีน้ำตาลสวยที่ต้องกับแสงแดดยามเย็นจนเห็นสีของมันเด่นออกมาชัดมองสลับที่กระติกน้ำในมือของไทเลอร์กับใบหน้าของคนพี่ไปมาราวกับจะถามย้ำคำพูดอีกครั้งว่าเขาสามารถดื่มมันได้จริง
ๆ หรือเปล่า? เพราะนั่นมันก็ไม่มีหลอดอีก
แล้วยังเป็นกระติกน้ำส่วนตัวของพี่ข้างบ้านของแมทธิว
“ได้สิ ไม่ต้องห่วงเรื่องโดนปากนะ ตามสบายเลย”
“ขอบคุณครับ”
สิ้นคำพูดยืนยันว่าแมทธิวสามารถดื่มน้ำจากกระติกนี้ได้
คนตัวสูงกว่ารับเอากระติกน้ำมาไว้ในมือแล้วเปิดยกมันขึ้นดื่ม
น้ำแต่ละอึกที่ดื่มลงไปทำให้ความสดชื่นค่อย ๆ
ถูกเติมกลับมาราวกับแมทธิวได้ชาร์จแบตอีกครั้ง ถึงแม้ว่าจริง ๆ
แล้วก็ยังเหลือแรงอยู่อีกมากก็ตาม
“ว่าแต่เป็นไงบ้างอะที่ได้เล่นที่ Time Square?”
พอแมทธิวดื่มน้ำเสร็จและส่งกระติกน้ำที่น้ำเหลือน้อยกว่าครึ่งกระติกไปหน่อย
ๆ คืนเจ้าของ ไทเลอร์ก็หาเรื่องมาคุยในตอนนี้เขาและคนตัวสูงกว่าข้าง
ๆ ค่อย ๆ เดินตามทางเดินข้างหน้าไปเรื่อย ๆ
แล้วจึงเพิ่มความเร็วกลับมาเป็นการจ๊อกกิ้งดังเดิม
“โห พี่ มันเหนือจริงมากผมพูดเลย
ใครจะไปคิดอะว่าวันนึงผมจะได้เล่นเพลงที่เป็นคนร่วมทำในที่แบบนั้น
แถมได้ออกทีวีอีก”
แมทธิวเล่าไปก็ใช้หลังมือปาดคราบน้ำที่ล้นเปื้อนริมฝีปากของตนออกไปด้วย
จากนั้นก็ใช้มือข้างเดิมหยิบเอาชายเสื้อยกขึ้นมาซับเหงื่อจากใบหน้าโดยไม่กลัวว่ามันจะสกปรกหรือเปล่า
“สนุกล่ะสิวันนั้นน่ะ
เห็นช็อตที่กล้องจับหน้านายแล้วนายยิ้มให้กล้องด้วย”
สายตาของไทเลอร์เหลือบไปเห็นหน้าท้องของแมทธิวอยู่แว๊บ ๆ
จากการที่อีกฝ่ายกำลังใช้เสื้อเป็นที่ซับเหงื่ออยู่
แมทธิวดูแลตัวเองดีจริง ๆ นั่นแหละแม้ว่าจะเห็นแบบนี้
ไม่ได้ว่าร่างกายของเพื่อนบ้านของไทเลอร์คนนี้ดูกำยำอะไรหรอกนะ
แมทธิวมีหุ่นที่ปกติเลยเมื่อดูจากภายนอก
แต่ใต้เสื้อนั้นก็ซ่อนรูปเอาไว้พอสมควร
ถึงกระนั้นก็ไม่ได้มีกล้ามเนื้อเยอะอะไรเหมือนพวกคนในฟิตเนสส่วนใหญ่
แค่พอดูดีเท่านั้นแหละ
ส่วนสำหรับกราฟิกดีไซน์ประจำ Existed แล้ว
แค่ออกกำลังกายให้ร่างกายไม่ป่วยก็เหนื่อยแล้ว
ไทเลอร์ไม่มีอะไรหรอกนะกล้ามเนื้อที่นูน ๆ ออกมาแบบเด่นชัดน่ะ
แต่กระนั้นก็ยังร่างกายสมส่วนดีอยู่
“ผมยังไม่ค่อยชินกับกล้องถ่ายทอดสดเท่าไหร่เลยครับ
ผมไม่รู้ว่าอันไหนมันคืออันที่กำลังส่งภาพไปที่ทีวีอยู่อะ แต่พี่ ๆ
ที่รายการเขาบอกผมอยู่นะว่ามันจะมีไฟสีแดง ๆ จุดเล็ก ๆ อยู่ตรงกล้อง
แต่เอาจริงผมก็หาไม่เจออยู่ดี เว้นแต่กล้องตัวนั้นนั่นแหละ
แล้วก็ผมยังไม่ค่อยรู้ด้วยว่าควรจะทำท่าทางยังไงให้กล้องดี”
นั่นขนาดว่ายังไม่รู้ว่าจะทำท่าทางยังไงให้กับกล้องนะ
แมทธิวยังแสดงออกออกมาได้ดีมากขนาดนั้น ถ้าเจ้าตัวชินกับมันแล้วล่ะก็
มีหวังนอกจากเพลงของวงจะดังทะลุชาร์ตแล้ว ตัวแมทธิวเองก็น่าจะดังมาก
ๆ ด้วยแน่ ๆ ไทเลอร์คิดในใจขณะฟังเจ้าของผมสีน้ำตาลเล่าเรื่องของตนไป
“พี่ว่านายทำได้ดีแล้วนะ
อย่าไปคิดว่าหลังกล้องนั้นมีคนดูอยู่มากมายก็พอ
คิดซะว่ามันคือเพื่อนสนิทของเรากำลังถ่ายคลิปเราอยู่
อะไรแบบนั้นก็ได้”
ไทเลอร์ให้คำแนะนำในฐานะคนที่เป็นตากล้องด้วย
มีบ้างที่แบบที่มาเป็นแบบให้เสื้อผ้าของบริษัทของเขามีความกังวลจนไม่สามารถเป็นตัวของตัวเอกได้เต็มที่
ไทเลอร์ก็มักจะบอกให้พวกเขาและเธอเหล่านั้นคิดซะว่าเขากำลังถ่ายสตอรี่ไอจีหรือถ่ายติ๊กต่อกให้อยู่
“พี่ไทเลอร์เคยอยู่หน้ากล้องเหรอครับ?”
และนั่นก็ทำให้มือกีตาร์หนุ่มสงสัยถึงที่มาของคำแนะนำนี้
แมทธิวคิดว่าคนที่ดูนิ่ง ๆ อย่างไทเลอร์ไม่น่าจะเคยออกกล้องนะ
หรือเปล่า...?
“ไม่หรอก ที่พี่เคยบอกนายไงว่าพี่เป็นตากล้องของบริษัทด้วย
เวลานายแบบหรือนางแบบเขากังวลพี่ก็บอกแบบนี้แหละ”
“อ๋อ... ผมก็นึกว่าพี่ไทเลอร์เคยออกหน้ากล้องด้วยซะอีก”
ในทีแรกแมทธิวคิดว่าไทเลอร์เคยเป็นนายแบบหรือเคยทำอะไรที่ได้ออกทีวีซะอีก
แต่แบบนี้ก็ไม่แปลกใจแล้วล่ะว่าทำไมถึงแนะนำเขาแบบนั้น
แต่ถ้าหากไทเลอร์ได้ออกกล้องจริง เขาก็ว่าก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไรนะ
พี่ข้างบ้านของเขาคนนี้ดูดีออก
แค่รูปในไอจีที่ดูเมื่อวันนั้นก็ช่วยการันตีได้แล้ว
แปปเดียวระยะทาง 2.6 ไมล์ (ราว 4.2 กิโลเมตร)
ของการวิ่งจ๊อกกิ้งก็ใกล้จะสิ้นสุดลง
อีกแค่หนึ่งส่วนสี่ของระยะทางไทเลอร์กับแมทธิวก็จะเดินวนกลับไปถึงบริเวณทางเข้าที่พวกเขาเดินเข้ามาแล้ว
แต่ในตอนนั้นนั่นเองที่ไทเลอร์หันไปเจออะไรที่สนามหญ้าแถวนั้นเข้า
หมาของคนที่อยู่แถวนั้นเอามาปล่อยวิ่งเล่นนั่นเอง
“หืม? อะไรครับ ชื่ออะไรฮะเรา? Dash เหรอ? เขาขอมือได้ไหมครับ?”
ไทเลอร์เดินเข้าไปใกล้สุนัขพันธุ์เยอรมันเชเพิร์ดตัวหนึ่งแล้วย่อตัวลงไปพูดคุยกับมัน
ที่ปลอกคอของมันมีป้ายชื่อเขียนไว้อยู่จึงสามารถเรียกมันได้ถูก
ก่อนจะถามเจ้าของของมันที่เป็นชายที่พาลูกของเขามานั่งเล่นอยู่ใกล้ ๆ
“ได้ครับ ลองดูก็ได้นะ มันใจดีไม่กัดหรอก”
“ไหนครับแดชขอมือหน่อย โห เก่งมาก ๆ You’re such a good boy, Dash”
แดชมองหน้าไทเลอร์ก่อนจะยื่นมือให้อย่างว่าง่าย
อย่างที่เขาว่าแหละว่าสุนัขพันธุ์นี้เป็นหนึ่งในพันธุ์ที่ถือว่าฉลาด
แม้อาจจะดูดุไปหน่อยสำหรับใครหลายคน แต่แดชไม่ดุเลย
คงเพราะไทเลอร์เข้ามาหาอย่างเป็นมิตรแหละมั้ง
“แดช อย่ากัดคุณน้าเขานะ”
เด็กน้อยคนนึงเดินเข้ามาหาไทเลอร์กับแดชพร้อมพูดบอกและลูบศีรษะของมันไปด้วยว่าอย่าทำอะไรชายแปลกหน้าแต่ดูเป็นมิตรคนนี้
“พี่ไทเลอร์ครับ ถ้าผมจะจับด้วยมันจะกัดผมไหมอะ?”
แมทธิวที่ตอนแรกยืนดูอยู่เฉย ๆ
พอเห็นแบบนี้ก็อยากที่จะเข้ามาทักทายสุนัขตัวนี้ด้วย
แต่กระนั้นก็ไม่กล้าเท่าไหร่นักเพราะกลัวมันจะกัดเขาเข้า
“ให้เพื่อนของน้าจับแดชได้ไหมครับ?”
“อื้อ ได้ครับ แดช คุณน้าคนนี้ก็ใจดี อย่ากัดนะ”
ผู้เป็นพ่อหัวเราะและยิ้มให้กับลูกชายของตัวเองด้วยความอารมณ์ดี
อันที่จริงเขาก็ฝึกแดชมาให้เป็นคนช่วยดูแลลูกของเขานั่นแหละ
แต่ดูเหมือนว่ามันจะดูออกว่าใครมีเจตนาดีหรือไม่ดี
เพราะกับชายแปลกหน้าสองคนนี้ กับคนแรกที่เข้ามาหามัน
มันไม่มีท่าทีดุเลย
“ด- แดช อย่ากัดผมนะ... เย้!”
แมทธิวค่อย ๆ
ยื่นฝ่ามือเข้ามาใกล้ศีรษะของสุนัขตัวใหญ่ตรงหน้ามากขึ้นทีละนิดเพราะกลัว
และเหมือนว่าแดชจะรู้เช่นกัน
มันก็เลยยกหัวของมันไปโดนฝ่ามือของแมทธิวให้ซะเลย
ทำให้เจ้าของผมสีน้ำตาลร้องออกมาด้วยความดีใจและลูบตัวแดชไปอีกหลาย ๆ
ที
ซึ่งมันเองก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีจนคนทั้งสองพอใจแล้วบอกลามันกลับไปเดินออกกำลังกายต่อ
“หมาตัวนั้นใจดีดีนะพี่ว่า ปกติพันธุ์นี้ยิ่งกับเด็กแล้วปกป้องสุด ๆ
เลย”
ไทเลอร์พูดขณะที่พวกเขาเดินมาถึงจุดกึ่งกลางของครึ่งรอบสระน้ำ
ตรงนี้ของสระน้ำถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนโดยเขื่อนคอนกรีตระหว่างส่วนทางทิศใต้ที่เป็นสระน้ำดั้งเดิม
และส่วนทางทิศเหนือที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่เพื่อเพิ่มความจุในการกักเก็บน้ำของ
Silver Lake ให้มากกว่าเก่า
“ผมกลัวอยู่นะตอนแรก แต่พอรู้ว่ามันไม่ดุก็น่ารักดี”
แมทธิวตอบพร้อมกับหยุดเดินพอหันไปเห็นบรรยากาศของทางเดินคอนกรีตบนเขื่อนที่กั้น
Silver Lake เป็นสองส่วนนั้น
พระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดินมันทำให้เขาอยากที่จะไปถ่ายรูปจากตรงนั้นลงสตอรี่ไอจีเสียหน่อย
“พี่ไทเลอร์ ผมไปถ่ายรูปตรงนั้นแปปนะครับ”
“หืม? อ๋อ ได้สิ สวยเหมือนกันนะว่าไปท้องฟ้าวันนี้”
คนทั้งสองคนเดินไปที่ตรงกลางของเขื่อนดังกล่าว
แสงสีส้มยามเย็นสาดใส่ใบหน้าของพวกเขาจนกลายเป็นสีส้มไปหมด
โทรศัพท์ถูกยกขึ้นมาถ่ายบรรยากาศดังกล่าวลงสตอรี่ของแอปพลิเคชันอินสตาแกรมให้ผู้ติดตามของแมทธิวดู
ส่วนไทเลอร์เพียงแค่ถ่ายเก็บเอาไว้ดูในอนาคตเฉย ๆ
ว่าวันนี้เป็นวันที่ดีวันนึงที่ควรจะจดจำเอาไว้
“พี่ ถ้าในอนาคตผมมาวิ่งแบบนี้ด้วยอีกได้ไหมครับ?”
แมทธิวถ่ายรูปต่ออีกนิดหน่อยก็ลดกล้องลงแล้วหันมาถามคนผมสีดำที่ยืนพิงกับราวกันตกที่ทำจากปูนอยู่
“หืม? นายชอบเหรอ? มันออกจะน่าเบื่ออยู่นะพี่ว่าสำหรับนาย”
“ไม่เลยครับ ผมว่าก็สนุกดี”
ตอนแรกไทเลอร์คิดว่าอะไรเรื่อย ๆ เรียบ ๆ
แบบนี้จะทำให้แมทธิวเบื่อเสียอีก
แต่ถ้าน้องมันชอบแล้วอยากมาอีกเขาก็ไม่ได้ขัดอะไรหรอก
ดีเหมือนกันที่เขาจะได้มีเพื่อนคุยด้วยตอนที่จ๊อกกิ้งรอบสวนนี้
นี่น่าจะเป็นครั้งแรกเลยที่ไทเลอร์ไม่ได้ใส่หูฟังแล้วเปิดเพลงคลอตอนที่มาออกกำลังกายที่นี่
“ถ้าแบบนั้นก็เจอกันทุกวันเสาร์กับอาทิตย์นะ”
“ได้ครับ... คือจริง ๆ ผมว่ามาที่สวนแบบนี้มันก็ดีเหมือนกัน
ได้ออกมาเจอสีเขียวบ้าง ได้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้อีก
เหมือนว่าผมรู้จักธรรมชาติมากขึ้นดีตอนที่จ๊อกกิ้งแล้วมองต้นไม้ไป”
แมทธิวยิ้มกว้าง แล้วเปลี่ยนมาพูดด้วยท่าทางจริงจังหน่อย ๆ
พร้อมมองออกไปทางสระน้ำขนาดใหญ่ฝั่งครึ่งทางทิศใต้ของ Silver Lake
อีกนิดเดียวดวงอาทิตย์ก็จะลาลับยอดไม้ลงไปแล้ว
ใกล้ได้เวลาที่จะกลับบ้านแล้วล่ะ
“หืม? ยังไงเหรอ?”
พอเห็นว่าแมทธิวมีท่าทีจริงจัง ไทเลอร์เลยตั้งใจฟังและลดโทรศัพท์ลง
“ก็... มันทำให้ผมรู้ว่าต้นไม้มันไม่เคยวิ่งตามเราเลยอะพี่”
“...”
What the fuck was that
คือประโยคเดียวที่ผุดขึ้นมาในใจของไทเลอร์เมื่อได้ฟังอะไรแปลก ๆ
จากเพื่อนบ้านของเขา พูดซะจริงจัง แล้วดู
แต่ถึงแบบนั้นมันก็ทำให้มุมปากของไทเลอร์ก็ยกขึ้นหน่อย ๆ นะ
ก่อนที่เขาจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความปวดหัวกับมุกอะไรก็ไม่รู้นั้น
“โธ่ พี่ไม่ขำหน่อยเหรอ? ผมกลั้นขำตั้งนานกว่าจะพูดออกมาได้”
“...”
ต้นไม้มันไม่วิ่งตามนาย แต่ฉันนี่แหละจะวิ่งไล่นาย แมทธิว...
“พี่...”
“ไอ้แมท...”
“เอ๊ะ! ผ- ผมขอโทษ อ๊ากกกกก”
วันนั้นคนในสวนเลยได้เห็นผู้ใหญ่สองคนวิ่งไล่กันอีกรอบนึง
คิดไปคิดมาไทเลอร์คิดถูกไหมเนี่ยที่อนุญาตให้แมทธิวสามารถติดตามห้อยท้ายเขามาได้ในตอนที่มาจ๊อกกิ้งครั้งหน้า
ๆ เนี่ย หัวจะปวด...