the tale of the wind knight and the fire prince by: kritzy_8 co-planning by: naiya & monk

Chapter 14 - ธนูคริสตัลสีดำ

เช้าของอีกวันมาถึงโดยไม่รู้ตัว มันเป็นกิจวัตรของโลกใบนี้มาแล้วนานตราบการมีอยู่ของมัน วันเก่าเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดพร้อมการลาลับของฟ้าของดวงอาทิตย์ และเริ่มต้นใหม่ด้วยการกลับมาทอแสงอบอุ่นไปทั่วของมันหลังคืนอันมืดมิด
ฟินตันไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อคืนตัวเองนั่งอยู่ที่ใต้ต้นไม้นั้นกับบอลด์วินนานแค่ไหน และไม่รู้ด้วยว่าเขากลับมายังบริเวณค่ายพักแรมตอนเวลาเท่าใด หรือแม้กระทั่งว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อใด แต่สิ่งเดียวที่เจ้าตัวสัมผัสได้ในเช้าวันใหม่นี้คือความอบอุ่นที่มีมากกว่าปกติอย่างบอกไม่ถูก มันไม่ใช่เพราะอากาศที่อุ่นขึ้นจากการเข้าใกล้ฤดูร้อนมากขึ้น รวมไปถึงไม่ใช่ความร้อนที่แผ่ออกมาจากตัวของเขาเพราะพลังในการควบคุมไฟ แต่เป็นความอบอุ่นที่ปลอดภัยและชวนให้เข้าชายหนุ่มขยับเข้าไปหามากขึ้นแล้วตักตวงมันมากกว่าเดิม
“อือ…”
ฟินตันขยับตัวเข้าไปหาความอบอุ่นตรงหน้ามากขึ้นพร้อมกับซุกใบหน้าเข้าไปในบริเวณที่อุ่นมากที่สุดนั้นแล้วถูไปมาราวกับว่าตนเองเป็นลูกของสัตว์ที่ต้องการความอบอุ่นจากผู้เป็นแม่ สิ่งนี้ที่ฟินตันกอดอยู่น่าจะเป็นกระเป๋าเดินทางของเขาไม่ก็ของบอลด์วินแน่เลย แต่แล้วในตอนที่เขาลืมตาขึ้นมานั่นเอง
“ห- หา บ- บอลด์วิน!”
“ตื่นแล้วหรือ? เอ่อ… เจ้าหนาวหรือ?”
ภาพตรงหน้าแทนที่จะเป็นกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่ฟินตันชอบเอามากอดยามนอนหลับอยู่บ่อย ๆ กลับไม่ใช่อย่างที่เขาคิดในรอบนี้ แต่กลับกลายเป็นสหายของเขาอย่างบอลด์วินแทนเสียอย่างนั้น และนั่นก็ทำให้ผู้เป็นเจ้าชายที่กำลังงัวเงียอยู่ได้ตื่นเต็มตาในทันที ส่วนบอลด์วินนั้นเข้าใจว่าที่ฟินตันมากอดและซุกเขาก็เพราะความเย็นของอาหาศในตอนเช้า เขาเลยกอดตอบไปด้วย ไม่ได้เป็นการฉวยโอกาสใด ๆ เลยแม้แต่น้อย
“ท- ทำไม ไม่สิ ข้าขอโทษ ข้า- ข้า...”
การทำอะไรไม่ถูกของฟินตันรวมไปถึงการดึงมือของตนเองกลับมาจากการกอดรอบตัวของอีกฝ่ายอยู่ทำให้ผู้ที่นิ่งกว่าในภายนอกรู้สึกขำอยู่ภายในใจ แต่ในขณะเดียวกันก็น่าเอ็นดูดี ยิ่งใบหูที่เริ่มมีสีอมแดงมากขึ้นก็ยิ่งน่ารักยิ่งกว่าเดิม ไหนจะฝ่ามือที่เมื่อไม่กี่วินาทีก่อนกอดบอลด์วินอยู่นั้นได้ถูกนำไปปิดใบหน้าของตนเองแบบนี้อีก
“ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย”
บอลด์วินกล่าวแล้วกระชับตัวของฟินตันให้กลับมาใกล้ตัวของเขามากขึ้นด้วยแขนของเขาที่ยังคงวางอยู่ที่แผ่นหลังของอีกฝ่ายอยู่ จะกี่ทีเขาก็คิดว่าเนื้อตัวของฟินตันนั้นน่ากอดมาก ๆ เลย ส่วนสูงที่กำลังดีและเนื้อตัวที่ไม่ได้ผอมแห้งแบบคนทั่วไปจากการออกกำลังฝึกซ้อมตลอดหลายปี และได้กินของอร่อย ๆ มาตลอด แบบนี้สิถึงจะน่ากอด
“บอลด์วิน ข้าว่า... ข้าไปตักน้ำที่ลำธารดีกว่า”
ฟินตันที่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ประกอบกับการที่มาอยู่ในจุดตรงนี้แล้วหากเฟลิกซ์ที่นอนอยู่เต็นท์ข้าง ๆ เดินมาเห็นเข้าจะเป็นการเข้าใจผิดเอาได้ แล้วในตอนนั้นที่เขามองไปเห็นกระบอกน้ำที่สหายของเขาวางเอาไว้พอดี เลยใช้มันเป็นหัวข้อในการหลบหลีกออกจากสถานการณ์ตรงนี้
ในตอนที่ฟินตันลุกขึ้นออกมาจากเต็นท์ ฟินตันก็สงสัยว่าแล้วทำไมเขาต้องกลัวว่าเฟลิกซ์จะมาเห็นแล้วเข้าใจผิดด้วย มันไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย หรือว่า...
“บ้าเอ๊ย... แย่มาก... แบบนี้มันแย่มาก...”
ฟินตันถือกระบอกใส่น้ำติดตัวไปพร้อมกับใช้มันฟาดใส่แก้มของตนเองที่รู้สึกร้อนผ่าวราวกับมีไฟลุกออกมาอยู่เพื่อเรียกสติของตนเองพลางพูดกับตนเองไปพลาง ทำไมเขาถึงเกิดความรู้สึกเช่นนี้กับบอลด์วินกัน แล้วมันกลายมาเป็นแบบนี้ได้ตั้งแต่เมื่อใด? เขาไม่อยากจะเชื่อเลย ต้องเป็นเพราะนอร่าเอาแต่พูดไปเรื่อยหลายปีจนเขาจำมันได้แม่นแล้วเผลอคิดมากไปแน่นอนเลย มันไม่ใช่แบบนั้นหรอก
เขาไม่ได้ชอบบอลด์วินเสียหน่อย
แต่ใจมันเต้นแรงเป็นบ้าเลย
 
ลำธารในยามเช้ายิ่งมีน้ำที่เย็นกว่าในตอนช่วงเย็นของวันก่อนหน้าที่เขาแยกตัวออกมาตักน้ำเสียอีก น้ำเย็น ๆ ที่ค่อนออกไปทางหนาวทำให้เจ้าชายผมสีน้ำตาลตัวสั่นเล็กน้อยตอนที่เท้าก้าวลงไปเหยียบก้อนหินที่อยู่ริมลำธาร แต่อย่างน้อยถึงจะตัวสั่นบ้าง อาการร้อนที่ใบหน้าก็ได้หายไปจากความเย็นของกระแสธารนี้
ฟินตันย่อตัวลงนั่งยอง ๆ ที่ริมลำธารก่อนจะเปิดฝาของกระบอกน้ำออก แล้วจึงค่อย ๆ กดมันให้จมลงไปในน้ำที่ค่อย ๆ ไหลไปตามทางของมันตรงหน้าเขา ฟองอากาศผุดออกมาจากกระบอกน้ำตามการแทนที่ของของเหลวที่ไหลเข้าไปเติมเต็มความว่างเปล่าทีละน้อย บางทีนี่อาจจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมาโดยเจ้าชายหนุ่มไม่ทันได้สังเกตหรือเปล่า?
ความรู้สึกภายในใจแม้อาจจะยังไม่ใช่ในวันนี้ แต่พอด้วยกาลเวลาที่ค่อย ๆ เคลื่อนผ่านไป คำว่าไม่มันอาจจะค่อย ๆ แปรเปลี่ยนทีละเล็กทีละน้อยเพราะความคุ้นเคยและการกระทำของอีกฝ่าย มองจากภายนอกอาจจะยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงของมันได้เท่าใดนักในเวลาอันสั้น แต่ถ้าหากเราให้เวลากับมันไปยาวนานถึงสิบปีแล้ว บางทีคำว่าไม่ที่เคยมีในใจของฟินตันมันอาจจะค่อย ๆ กลายเป็นคำว่าใช่แล้วก็เป็นได้
มีหลายทีที่บริจิดชอบพูดก่อกวนฟินตันในลักษณะที่ไม่ต่างกับนอร่า และอีกบุคคลที่ถูกดึงเข้ามาในบทสนทนาก็เป็นคนคนเดิมเช่นเดียวกันอีกต่างหาก หรือว่าบางทีแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมา บอลด์วินจะเป็นคนที่ฟินตัน...
 
ฟุ่บ!
 
“อะไรน่ะ! อึก...”
เสียงของวัตถุบางอย่างพุ่งผ่านอากาศมาด้วยความเร็วสูง ก่อนจะตามมาด้วยความรู้สึกเจ็บที่ค่อย ๆ แผ่กว้างออกมาจากบริเวณหัวไหล่ข้างซ้าย สายน้ำที่ไร้สีในลำธารมีหยดของของเหลวสีแดงร่วงหล่นลงมาปนมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามเวลาที่ผ่านไป
ฟินตันกำลังถูกลอบโจมตี
 
ฟุ่บ!
 
ธนูอีกลูกพุ่งผ่านอากาศมา แต่ในครั้งนี้ที่ฟินตันมองบริเวณโดยรอบอยู่จึงสามารถที่จะเบี่ยงตัวหลบได้ทัน และเมื่อเห็นทิศทางที่แน่ชัดแล้วว่ามันมาจากทางไหน เจ้าชายผมสีน้ำตาลก็สร้างลูกไฟขึ้นในฝ่ามือแล้วส่งมันลอยออกไปสู่ทิศทางนั้นด้วยความเร็วสูง
“อ๊ากกกก”
ฟินตันยกยิ้มเมื่อได้ยินเสียงร้องของกลุ่มคนหลังพุ่มไม้ในบริเวณที่ลูกไฟของเขาพุ่งไป กลุ่มควันที่ลอยขึ้นมาพร้อมกับการสั่นไหวของพุ่มไม้เป็นการยืนยันความแม่นยำในการคาดคะเนของฟินตันได้เป็นอย่างดี
ฟุ่บ!
แต่กระนั้นก็ยังคงมีลูกธนูยิงมาเฉียดตัวของเขาอยู่ดี ฟินตันพยายามมองหาก่อนจะเห็นชายคนหนึ่งกำลังเล็งคันธนูมาทางเขา จึงเลือกที่จะใช้พลังของตนสร้างลูกไฟไว้เตรียมโจมตีในฝ่ามือทันที
พรึ่บ!
เปลวไฟอันร้อนแรงก่อตัวขึ้นในฝ่ามือของฟินตันดังที่เจ้าของพลังตั้งใจ แต่ฟินตันกลับรู้สึกแปลก ๆ ในการใช้พลังของตน มันไม่ปกติ พลังมันอ่อนลงจากที่ควรจะเป็น เกิดอะไรขึ้นกันกับร่างกายของฟินตัน แค่อาการบาดเจ็บเท่านี้มันไม่ควรที่จะมีผลอะไรกับการใช้พลังเลยหากเป็นสถานการณ์ปกติ
ซูม!
ลูกไฟในฝ่ามือของฟินตันถูกส่งออกไปในอากาศเบื้องหน้า ก่อนที่จะถูกสกัดไม่ให้พุ่งไปถึงเป้าหมายไว้ด้วยม่านกำแพงน้ำขนานใหญ่ที่จู่ ๆ ก็ก่อตัวขึ้นมาอย่างผิดธรรมชาติ นี่มันพลัง Aquakinesis
“Aquakinesis อย่างนั้นหรือ อึก...”
จู่ ๆ ฟินตันก็รู้สึกเวียนศีรษะอย่างบอกไม่ถูก สายตาของเขาเริ่มพร่ามัว แต่ก็ยังพอที่จะประครองสติและร่างกายของตนเอาไว้ไม่ให้ล้มลงไปกับพื้นได้ แปลกมาก มันเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเขา ฟินตันคิดในใจ
“มีฤทธิ์เท่านี้หรือ เจ้าชายแห่งนอร์ด?”
หนึ่งในกลุ่มของคนที่ซุ่มโจมตีเดินออกมาที่ริมขอบลำธารอีกฝั่งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยั่น ชุดเครื่องแบบที่เขาสวมอยู่เช่นนี้มีเพียงหนึ่งเดียว กลุ่มคนที่ลอบโจมตีฟินตันคือเจ้าหน้าที่จากทางการของอาณาจักร
“ไอ้หน่วยลาดตระเวนนั่นกลับจัดการได้อย่างสบาย แต่พอเป็นพวกข้าแล้วกลับทำเช่นนั้นไม่ได้หรือ?”
เจ้าหน้าที่หน่วยนี้เป็นกลุ่มเจ้าหน้าที่ที่ไม่เห็นความเคลื่อนไหวของหน่วยลาดตระเวนที่ฟินตันและบอลด์วินจัดการไปก่อนที่จะถึงเบรเบน ซึ่งพอไม่สามารถติดต่อสื่อสารกับหน่วยนั้นได้พวกเขาก็ออกตามหาจนพบเข้ากับร่างของทั้งสาม จึงได้มองหาหลักฐานต่าง ๆ และสะกดรอยตามมาพอรู้ว่าคนที่จัดการคือคนที่ถูกหมายหัวจากอาณาจักร
นอกจากนี้แล้ว หนึ่งในเจ้าหน้าที่ยังเคยเจอฟินตันมาก่อนและมีพลังจิตในชื่อ Stalker อันเป็นความสามารถในการจดจำรูปแบบสนามพลังของเป้าหมายได้ และสามารถรู้ได้ว่าเป้าหมายที่จดจำเอาไว้นั้นอยู่ห่างออกไปทางทิศทางใด และห่างออกไปเป็นระยะคร่าว ๆ ประมาณเท่าไหร่ เลยทำให้พวกกลุ่มเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้สามารถเดินทางตรงมาหาคณะเดินทางของฟินตันได้โดยไม่ต้องหลงกับการคาดเดาเส้นทางการเดินทางของพวกเขา
“พวกเจ้า หรือว่า-”
ฟินตันที่ฟังคำพูดนั้นแล้วรู้สึกแปลก ๆ เลยมองไปที่แผลที่หัวไหล่ซ้ายของตนก่อนจะพบว่าโลหิตสีแดงที่ควรจะไหลออกมาจากบาดแผลนั้นมันได้กลายเป็นสีดำ ไม่ผิดแน่นอน นี่คือผลของคริสตัลสีดำ ธนูที่เฉียดหัวไหล่ของเจ้าชายหนุ่มไปจะต้องมีส่วนประกอบของคริสตัลสีดำแน่นอนไม่ผิดแน่
คริสตัลสีดำเป็นคริสตัลที่มีฤทธิ์ในการปล่อยพลังทางลบออกมาสู่บริเวณรอบ ๆ ซึ่งจะทำให้ผู้ที่ได้รับมันเข้าไปมีอาการอ่อนแอลง สลบหมดสติ ป่วยหนัก และจนถึงขั้นเสียชีวิตได้หากชำระล้างพิษออกไปไม่ทันการณ์ ส่วนถ้าหากไม่ได้รับเข้าไปในร่างกายแต่อยู่ในระยะของการแผ่พลังลบของมันนั้น จะเกิดอาการมึนงงและเกิดการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมไปจากเดิม สติทั้งหลายจะมลายหายสิ้นจนเหลือเพียงสัญชาตญาณดิบเพียงเท่านั้น พูดให้ง่ายก็คือจะกลายเป็นสัตว์ป่าที่ดุร้ายนั่นเอง ซึ่งแหล่งคริสตัลสีดำที่ใหญ่ที่สุดของทวีปยูโรปาก็คือที่ป่าแบล็ควูด ณ บริเวณจุดตัดพรมแดนของอาณาจักรโอสตารา ฮัลโดเรีย และเพนตาเวีย
 
“ไหน ๆ เจ้าก็จะสิ้นฤทธิ์อยู่แล้ว แสดงให้พวกข้าเห็นความสามารถอันต่ำต้อยที่ยังหลงเหลืออยู่เสียหน่อยสิ ว่านี่น่ะหรือ level 4”
ฟินตันขยับขาห่างออกจากกันเล็กน้อยเพื่อให้สามารถยืนได้อย่างมั่นคง อาการเวียนหัวมันกำลังมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ตัวเขาเองคิดว่าตนยังสามารถสู้ได้ไหวอยู่จึงสร้างลูกไฟพุ่งส่งออกไปยังอีกฝ่ายอีกรอบ แต่ก็ไม่วายโดนหนึ่งในสมาชิกกลุ่มของหน่วยที่มีพลังการควบคุมน้ำสกัดเอาไว้ได้หมด
“บ้าเอ๊ย ไอ้พวก- อึก-”
บาดแผลที่หัวไหล่ของฟินตันเองก็มีอาการปวดที่มากขึ้นเรื่อย ๆ จนตัวเขาสัมผัสได้ถึงการที่บริเวณแผลมันเต้นตุบ ๆ เป็นจังหวะตามการเต้นของหัวใจของเขาที่มันเองก็เริ่มมีความถี่มากขึ้นทีละน้อยด้วย ไม่ดีแน่หากเป็นเช่นนี้
“อ้าว ๆ นี่น่ะหรือคนที่จะต่อกรกับท่านคีย์รันผู้สูงส่ง มีน้ำยาเพียงแค่นี้แล้วยังจะคิดมักใหญ่ใฝ่สูงอีกหรือ?”
“อาณาจักรนี้มันเปลี่ยนไปแล้วเจ้ารู้เอาไว้เสีย หมดยุคของราชวงศ์โง่เง่าที่ปกครองมายาวนานหลายร้อยปีแล้วล่ะ ต่อจากนี้ไปจะเป็นยุคใหม่ที่รุ่งโรจน์ของโคโลเนีย”
สองเจ้าหน้าที่ของทางการเดินเข้ามาใกล้ฟินตันที่เหนื่อยหอบมากขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับพูดจาดูถูกเจ้าชายตรงหน้าที่สภาพเริ่มจะไม่ดีเท่าใดนัก ในมุมมองของเขาทั้งสองแล้วนั้น ชีวิตในตอนนี้มันดีกว่าเมื่อก่อนเป็นไหน ๆ เลยการได้มีอำนาจอยู่ในมือมากมายขนาดนี้แม้จะเป็นเพียงแค่เจ้าหน้าที่จากส่วนกลางของอาณาจักร มันราวกับฝันที่ได้เป็นจริงของใครคนไหนทั้งนั้น
“พ- พล่ามบ้าอะไรของเจ้า ค- แค่ก”
ฟินตันไม่ยอมที่จะโดนพูดจาแบบนี้ใส่ต่อหน้าจึงพูดสวนกลับไป แต่เมื่อพูดจบเขาก็ไอออกมา แต่กลับมีของเหลวเปื้อนฝ่ามือของเขาที่ยกขึ้นมาปิดปากเมื่อตอนที่ไอเป็นของเหลวสีแดงด้วย ฤทธิ์ของคริสตัลสีดำที่ออกฤทธิ์ได้รวดเร็วและรุนแรงเช่นนี้ ต้องเป็นเกรด B ขึ้นไปแน่ ๆ
“ดูเหมือนเจ้าจะสู้ไม่ไหวเสียแล้วนะฟินตัน ยอมจำนนซะ”
“ยังหรอก!”
พรึ่บ!
เปลวเพลิงเกิดขึ้นในอากาศและห้อมล้อมตัวของฟินตันเอาไว้ ก่อนที่มันจะพุ่งออกไปด้านหน้าสู่ศัตรูของเจ้าของพลัง แต่ก่อนจะได้พุ่งไปไกล เพลิงเหล่านั้นก็บิดผิดรูปร่างแล้วสลายหายไปอย่างรวดเร็วในอากาศ
“อ- อะไรกัน?”
ดูเหมือนว่าหากพูดดี ๆ แล้วเจ้าจะไม่ชอบสินะ”
ซูม!
ทันทีที่สิ้นสุดคำพูดของเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง กระแสน้ำในลำธารก็เกิดความปั่นป่วนขึ้น มันค่อย ๆ รวมตัวเข้าหากันเป็นกำแพงน้ำขนาดใหญ่ล้อมรอบพวกเขาเอาไว้ทุกทิศทาง
“คงจะต้องดับไฟและสติของเจ้าไปพร้อมกันแล้วล่ะนะ”
“นี่เจ้า อย่าฆ่ามันเป็นอันขาดนะ ท่านคีย์รันแจ้งว่าให้จับเป็นเท่านั้น”
ก่อนที่ฝ่ามือของผู้มีพลังควบคุมน้ำจะฟาดลง เจ้าหน้าที่อีกคนก็รีบเตือนสติของเขาเอาไว้ให้จับเป็นฟินตันเท่านั้นตามคำสั่งของคีย์รัน
“ข้าไม่ลืม...”
พึ่บ
ทันทีที่ฝ่ามือของเจ้าหน้าที่คนนั้นฟันลงใส่อากาศ กำแพงน้ำที่โอบล้อมพวกเขาอยู่ก็เคลื่อนเข้ามาหาฟินตันอย่างรวดเร็ว เจ้าชายหนุ่มพยายามแล้วที่จะหวังใช้พลังไฟของตนในการทำให้ม่านน้ำขนาดใหญ่นั้นมันเดือดแล้วระเหยไป แต่พลังของเขามันอ่อนลงมากจนแทบไม่สามารถทำอะไรน้ำมากมายมหาศาลขนาดนี้ได้ พร้อม ๆ กับสติของเขาที่เริ่มจะไม่สามารถควบคุมอะไรเอาไว้ได้แม้แต่การยืนของตนเอง และท้ายที่สุด คลื่นน้ำยักษ์ก็ได้สาดซัดเข้ามาท่วมรอบตัวฟินตันไปหมด
ความรู้สึกอึดอัดขณะล่องลอย ความจุกอยู่ภายในที่อธิบายได้ยาก ฟินตันเคยเผลอสูดเอาน้ำเข้าไปบ้างในบางครั้งและเคยจมน้ำมาในอดีตก็จริง แต่เขาไม่เคยจมอยู่ในน้ำนานขนาดนี้มาก่อน สายตามันเริ่มพร่ามัวลงไปทุกขณะ เลือดจากบริเวณแผลที่ไหล่ซ้ายยังคงไหลออกมาโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด คงเป็นเพราะฤทธิ์ของคริสตัลสีดำที่ทำให้แผลที่มีเลือดไหลยังคงไหลต่อไปหากไร้การรักษา และเขาจะจบสิ้น ณ ที่ตรงนี้จริง ๆ หรือ? แม้จะเคยคิดมาไว้แล้วล่วงหน้าว่าการบุกเมืองหลวงของอาณาจักรท่ามกลางการควบคุมของคนที่ทรงพลังอย่างคีย์รันมันจะยากและอาจจะนำมาสู่การดับสูญของชีวิตของเขา แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้นี่นา
เขายังไม่ได้แก้แค้นให้ครอบครัวของเขาเลย
และเขายังไม่รู้เลยว่าจริง ๆ แล้วเขารู้สึกอย่างไรกับบอลด์วิน
 
ฟึ่บ!
“แค่ก ๆๆ อึก- หา?”
เสียงประหลาดที่ชวนให้สงสัยในการเกิดของมันในทุกครั้งที่ได้ยินดังขึ้นพร้อมกับที่ฟินตันไอออกมาด้วยการสำลักน้ำ และจากนั้นจึงได้รีบสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ ไม่ผิดแน่นอน เสียงเมื่อครู่คือเสียงของการเทเลพอร์ต
“ฟินตัน เจ้าไหวหรือไม่?”
 
เฟลิกซ์ประคองของฟินตันเอาไว้ในขณะที่บอลด์วินที่อยู่ข้าง ๆ สร้างพลังลมความแรงสูงไปทำลายกำแพงน้ำจนแหวกออกเป็นทางยาว สีหน้าของเขาตอนนี้เป็นสีหน้าที่ฟินตันไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ใบหน้าที่โกรธจนเหมือนจะทำลายได้แม้กระทั่งโลกทั้งใบ และนั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่ฟินตันรับรู้ก่อนที่ตาจะปิดลง
 
“พวกเจ้าทำอะไรกับฟินตัน?!”
เสียงตะโกนของบอลด์วินดังสนั่นจนแม้แต่เฟลิกซ์เองก็สะดุ้งเมื่อได้ยิน เขารู้ได้ทันทีเลยถึงที่มาของความโทสะนี้ เป็นใครก็ไม่ยอมให้คนที่รักต้องบาดเจ็บกันทั้งนั้น
“ข้าก็คิดเอาไว้แล้วว่าแค่ไอ้นั่นคนเดียวมันจะต่อกรกับหน่วยลาดตระเวนที่มีถึงสามคนได้ยังไงกัน ที่แท้ก็มีหมาตามมาด้วยอีกสองตัวนี่เองสินะ”
“เจ้าว่าใครหมาหา?”
ซูม!
กระแสลมแรงพัดออกจากฝ่ามือของบอลด์วินพุ่งตรงไปยังกลุ่มของเจ้าหน้าที่จากทางการจนพวกเขาล้มลง แต่พอพวกเขารู้ตัวก็ใช้พลังน้ำในการจะโต้กลับทันที
“เฟลิกซ์!”
เสียงตะโกนของบอลด์วินทำให้เฟลิกซ์ต้องยอมวางศีรษะของฟินตันลงแนบกับพื้นหญ้า ก่อนจะหยิบกิ่งไม้แห้งที่ถือติดมือมาด้วยเข้ามาไว้ในมือให้กระชับกว่าเก่า
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ
“อ๊ากกกกกกก!”
“ต- ตาข้า อั่ก!”
“แค่ก อั่ก!”
เสียงการเทเลพอร์ตมากมายดังขึ้น ก่อนจะตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดในตอนนี้กิ่งแม้แห่งในฝ่ามือของเฟลิกซ์ถูกเทเลพอร์ตเข้าไปแทรกภายในส่วนต่าง ๆ ของกลุ่มเจ้าหน้าที่ของทางการตรงหน้า แต่ก็ไม่ได้ทั้งหมด เนื่องด้วยพลังเทเลพอร์ตของเฟลิกซ์ที่เพียงแค่ level 3 ทำให้มีเจ้าหน้าที่บางคนวิ่งหนีรอดออกไปไกลเกินกว่าระยะการใช้งานพลังของเขา
“ย้ากกกกก!”
และเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดทั้งหมดก็ถูกทำให้จบลงโดยดาบของบอลด์วินที่ปลิดทุกชีวิตลง ณ ที่แห่งนั้น ลำธารที่เคยใสสวยกลับกลายเป็นสีแดงไปหมดจากเลือดมากมายที่หลั่งไหลออกจากบาดแผลที่เกิดจากดาบเล่มคม
 
“ฟินตัน ฟินตัน เจ้าได้ยินข้าหรือไม่?”
บอลด์วินทำความสะอาดดาบของตนลวก ๆ แล้วรีบวิ่งเข้ามาหาคนผมสีน้ำตาลที่นอนไม่ได้สติอยู่บนพื้นหญ้า เลือดจากหัวไหล่ยังคงไหลออกมาไม่หยุด และหญ้าที่เปื้อนโดนเลือดนั้นก็เฉาเป็นสีดำน่ากลัวเป็นวงออกไปมากขึ้นเรื่อย ๆ
“บอลด์วิน ฟินตันถูกพิษจากคริสตัลสีดำ พวกเราต้องรีบพาเขาไปที่ฮันโนฟ์วาโดยเร็วที่สุดเลย”
เฟลิกซ์ที่สังเกตจากสิ่งที่เกิดขึ้นก็เดาได้ทันทีว่าเจ้าชายตรงหน้ากำลังเผชิญอยู่กับอะไร
“คริสตัลสีดำอย่างนั้นหรือ แบบนั้นแสดงว่า...”
มือของบอลด์วินสั่นทันที เขารู้ดีว่าผลของคริสตัลสีดำในท้ายที่สุดแล้วมันจะเป็นอย่างไร
“ถ้าช้าเกินไป ฟินตันจะไม่รอด”
“อึก...”
ได้ยินสหายของตนว่าดังนั้นบอลด์วินก็สอดแขนของเขารองตัวฟินตัน ก่อนจะอุ้มคนที่เขารักมากยิ่งกว่าใครขึ้นแนบกับตัวไว้แล้วรีบมุ่งหน้าไปที่เมืองฮันโนฟ์วาโดยทันที
“ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าเป็นอะไรเด็ดขาด อดทนไว้ก่อนนะฟินตัน”
บอลด์วินรีบวิ่งกลับไปที่บริเวณค่ายพักแรมโดยมีเฟลิกซ์วิ่งตามมาติด ๆ พวกเขารีบเก็บข้าวของที่ยังเหลือกระจัดกระจายอยู่บ้างอย่างรวดเร็ว ยังดีอยู่บ้างที่เขากับเฟลิกซ์เก็บของไปแล้วบางส่วนก่อนจะได้ยินเสียงดังมาจากทางลำธารที่ฟินตันบอกเอาไว้ว่าจะไปตักน้ำ จึงได้ทิ้งทุกอย่างแล้วรีบตามไปดูว่าเกิดเหตุอะไรขึ้นกับผู้เป็นเจ้าชายหรือไม่ และช่วยเขาเอาไว้ได้ทันเวลาพอดี
“บอลด์วิน หันมาทางนี้หน่อย”
“หืม อ๋า ได้เลย”
บอลด์วินหันหลังให้เฟลิกซ์สวมกระเป๋าเป้ใส่ที่หลังให้กับเขา และเมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วนั้น
“รีบไปกันดีกว่า ข้าไม่อยากให้ฟินตันจะต้อง...”
บอลด์รีบออกเดินอย่างรวดเร็วพร้อมกับมือที่กอดฟินตันเอาไว้แน่น
“เขาจะไม่เป็นอะไร เชื่อข้าสิ”
 
“เจ้าไม่เป็นอะไรถูกใช่ไหม ดานัล?”
เจ้าหน้าที่ที่เหลือรอดจากการปะทะกันกับกลุ่มของฟินตันหนีออกมาตั้งหลักที่หมู่บ้านเล็ก ๆ ใกล้ ๆ บริเวณที่ปะทะกัน นอกจากการทำแผลที่เกิดจากลูกไฟของฟินตันในตอนที่ฤทธิ์ของคริสตัลยังไม่แสดงออกมาและนับจำนวนแล้ว เจ้าหน้าที่แต่ละคนก็ต่างไถ่ถามถึงอาการบาดเจ็บของหนึ่งในสหายของพวกเขากันให้ขวัก เพราะเขาคนนี้คือตัวแปรสำคัญในเรื่องราวทั้งหมดนี้
“ข้าไม่เป็นอะไร ขอบใจ”
“แล้วเช่นนั้นพวกมันอยู่ที่ใด?”
ดานัลคือเจ้าหน้าที่คนนั้นที่มีพลัง Stalker และแน่นอนว่ารูปแบบและสนามพลังของฟินตันนั้น เขาจดจำเอาไว้แล้วเป็นอย่างดี และหากจะต้องดูว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ใดแล้วนั้นล่ะก็
“อึก-”
ดานัลกลืนคริสตัลสีขาวขนาดพอ ๆ กับเล็บนิ้วก้อยลงคอก่อนที่ดวงตาดำของเขาจะหดตัวลงอย่างรวดเร็ว การหายใจถี่ขึ้น หัวใจเองก็เต้นรัวขึ้นไม่แพ้กัน ร่างกายเริ่มร้อนและมีเหงื่อออกท่วมไปหมด
“ส- สนามพลังอ่อนมาก แต่มุ่งหน้าไปทางฮันโนฟ์วาไม่ผิดแน่ มันยังไม่ตาย”
คริสตัลสีขาวมีฤทธิ์ที่ทำให้ผู้มีพลังจิตแสดงพลังของตนออกมาได้มากขึ้นจากการแผ่พลังงานออกมาสู่ร่างกายของผู้ที่สัมผัสกับมัน แต่หากกลืนกินเข้าไปในร่างกายแล้วนั้น ผลของมันจะมากทวีคูณขึ้นเป็นอย่างมาก และกลายเป็นทำให้ร่างกายของผู้ที่กินมันเข้าไปเกิดการทำงานอย่างหนักจนมากกว่าขีดจำกัดของร่างกายเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งการทำงานเกินกว่าปกติของร่างกายนี้นี่เองที่เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับผู้ใช้พลังจิตบางประเภท ที่พวกเขาจะสามารถใช้พลังที่ตนมีอยู่ได้ก็ต่อเมื่อร่างกายของเขาทำงานเกินกว่าขีดจำกัดปกติเท่านั้น และพลัง Stalker ของดานัลเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน นั่นทำให้เขาต้องกินคริสตัลสีขาวก่อนเสมอจึงจะใช้พลังของเขาในการระบุตำแหน่งของเป้าหมายที่จดจำเอาไว้ได้
แต่คริสตัลสีขาวนี้ก็มีผลที่ตามมาจากการใช้งาน เนื่องด้วยการที่มันทำให้ร่างกายทำงานเกินกว่าขีดจำกัดนี้ ทำร่างกายของผู้ใช้เหนื่อย บาดเจ็บ หรือใช้คริสตัลสีขาวนี้มาเป็นระยะหนึ่งแล้ว ร่างกายของพวกเขาอาจจะได้รับความเสียหายจากการทำงานเกินกว่าขีดจำกัดของตัวมันเองได้
“แค่ก-”
ดานัลกระอักเลือดออกมาเล็กน้อยจากสภาพร่างกายของเขาที่ไม่ได้พร้อมมากเท่าใด แต่หาดได้รับคำสั่งมาให้ใช้พลังเขาก็จำเป็นต้องใช้
“ดานัล เจ้าไหวหรือไม่?”
หนึ่งในเจ้าหน้าที่รีบวิ่งเข้ามาดูอาการของดานัลทันทีเนื่องจากเกรงว่าเขาจะเกิดอันตรายขึ้น
“เจ้านั่นมันไหวอยู่แล้ว พวกเจ้าเสียเถอะ เตรียมการเดินทางเสีย พวกเราจะตามมันไป”
คนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าของหน่วยกล่าวขึ้นโดยไม่ได้สนใจดานัลมากนะ ในหัวของเขาตอนนี้มีเพียงการจับฟินตันให้ได้เพียงเท่านั้น
 
“เฟลิกซ์ ข้านี่มันแย่เสียจริงที่ทำให้เรื่องเป็นเช่นนี้ ถ้าข้าคอยดูแลฟินตันให้ดีกว่านี้ ถ้าข้าตามเขาไปที่ลำธารแล้วล่ะก็...”
บอลด์วินที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งยังคงพูดโทษตัวของเขาเองให้กับเฟลิกซ์ฟังไม่หยุดหย่อน แม้เฟลิกซ์จะพยายามพูดบอกแล้วก็ตามในตอนท้ายว่าทุกอย่างมันจะต้องเรียบร้อยแน่นอนไปหลายรอบก็ตาม แต่กระนั้นเขาก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าก่อนหน้าที่ฟินตันจะไปที่ลำธาร บอลด์วินเผลอหลุดปากออกมาด้วยว่าเขาได้กอดฟินตัน
“เจ้าไม่ต้องกลัวถึงขนาดนั้นก็ได้ ฟินตันน่ะจะต้องไม่เป็นอะไร”
“ข้ากลัว ข้ากลัวว่าข้าจะเสียฟินตันไป”
เสียงของบอลด์วินสั่นในแบบที่เฟลิกซ์ที่รู้จักอีกฝ่ายมานานก็ไม่เคยได้ยินเสียงเช่นนี้มาก่อน บอลด์วินคงจะต้องรักเจ้าชายพระองค์นี้มากจริง ๆ แน่นอนเลย เฟลิกซ์คิดในใจแล้วอมยิ้มออกมาหน่อย ๆ
“ว่าแต่มันอีกไกลเท่าไหร่หรือถึงจะถึงฮันโนฟ์วา? ไอ้แผนที่บ้านี่ก็ดูยากเสียเหลือเกิน”
บอลด์วินที่ให้เฟลิกซ์เป็นผู้ถือแผนที่ให้เขาดูเส้นทางนั้นก็ยังคงมีปัญหาในการอ่านแผนที่อยู่เหมือนเดิม เขาไม่รู้เลยว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ตรงไหนและใกล้ที่จะถึงฮันโนฟ์วาแล้วหรือยัง
“ขอข้าดูหน่อยได้หรือเปล่า?”
“เอาสิ”
เฟลิกซ์หันแผนที่ออกจากใบหน้าของคนที่ดูมันไปก็ไร้ประโยชน์แล้วหันมาให้ตัวเองดูเสียเอง ปล่อยให้บอลด์วินดูแลคนที่เขาอุ้มแล้วกอดเอาไว้แน่นน่าจะเหมาะกว่า ส่วนตัวเขาถึงจะไม่ได้มีความรู้อะไรมาก แต่ก็พอที่จะดูแผนที่ออกมากกว่าสหายเก่าแก่ของเขาคนที่กำลังกระวนกระวายคนนี้แน่นอน
“อีกราว 2 ชั่วโมงน่ะ พวกเรารีบกันเถอะ”
 
ฮันโนฟ์วาในตอนที่พวกเขาทั้งสามคนเดินทางมาถึงเต็มไปด้วยความมืดครึ้มจากเมฆฝนก้อนใหญ่บนท้องฟ้าที่ส่อเค้าว่าคงจะตกลงมาในเร็ว ๆ นี้แน่นอน เมืองที่เต็มไปด้วยความเจริญจากอุตสาหกรรมยุคใหม่ทำให้บริเวณใจกลางเมืองมีชีวิตชีวาจากผู้คนมากมายที่เดินขวักไขว่แม้ว่าฝนดูเหมือนว่ากำลังจะตกลงมาแล้วก็ตาม
เฟลิกซ์ทันทีที่รู้ว่าตำแหน่งของโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุดตั้งอยู่ตรงไหนของเมืองก็รีบบอกให้สหายของเขารับรู้ทันที และหลังจากที่ผ่านไปเกือบ 4 ชั่วโมง ฟินตันก็ได้รับการรักษาจากแพทย์ในที่สุด
ระหว่างการรักษาในห้องที่เป็นบริเวณหวงห้ามจากบุคคลภายนอก บอลด์วินเอาแต่เดินวนไปวนมาด้วยความกระวนกระวายใจตลอดเวลา แม้แต่เฟลิกซ์จะชวนเขาออกไปหาอะไรดื่มเพื่อให้จิตใจของเขาสงบลงบ้างก็ไม่ยอม จนกระทั่งในตอนที่ฟินตันถูกเข็นออกมาบนเตียงนั่นเองที่บอลด์วินดูจะสบายใจขึ้นไปได้บ้าง
 
“ผู้ป่วยปลอดภัยดีแล้ว ดีที่พวกเจ้าพาเขามาทันการณ์ หากช้ากว่านี้ไปอีกชั่วโมงมีโอกาสในการรักษายากกว่านี้แน่ ระหว่างนี้เขาน่าจะใช้เวลาพักหนึ่งเลยจนกว่าจะฟื้น พวกเจ้ารอไปก่อน อย่ากระวนกระวายมากเสียเล่า”
หมอผู้ทำการรักษาฟินตันพูดอธิบายก่อนจะตามมาด้วยการถอนหายใจยาว ๆ ออกมาด้วยความโล่งอกเล็กน้อยของเจ้าของผมสีดำ
“ขอบคุณมากนะครับคุณหมอ”
บอลด์วินกล่าวพร้อมใช้ฝ่ามือลูบไปที่เส้นผมของฟินตันอย่างอ่อนโยน สีหน้าของฟินตันในตอนนี้ดูดีกว่าในตอนที่บอลด์วินอุ้มเขามาถึงที่ฮันโนฟ์วาหลายเท่าเลย
“บอลด์วิน ว่าแต่เจ้าอุ้มฟิ- เอ๊ย อาร์เจนมาได้อย่างไรถึง 4 ชั่วโมง แขนของเจ้ายังไม่ชาไปใช่ไหมนั่น?”
เฟลิกซ์พอได้ยินถึงระยะเวลาการพักฟื้นที่หมอพูดก็นึกถึงการเดินทางอย่างเร่งด่วนมาถึงฮันโนฟ์วาของพวกเขา เพราะตลอดทางที่ผ่านมานั้นบอลด์วินเป็นคนอุ้มฟินตันมาตลอดทางเลย แม้ฟินตันจะตัวเล็กที่สุดในหมู่พวกเขาทั้งสามคน แต่นั่นก็คือผู้ชายคนหนึ่งเลย แม้จะไม่รู้ว่าฟินตันน้ำหนักเท่าไหร่ แต่การอุ้มคนนานขนาดนั้นถึง 4 ชั่วโมงแล้ว ถ้าแขนไม่ชาก็น่าจะตายไปแล้ว
“อ๋อ ข้าใช้พลังลมของข้ายกตัวอาร์เจนไว้ด้วยน่ะ เลยไม่ได้รู้สึกว่าหนักอะไร”
บอลด์วินว่าแล้วก็ปล่อยกระแสลมออกมาจากมือเบา ๆ และแม้พลังของเขาคือการสร้างระเบิดกระแสลมออกมากำลังสูง แต่ถ้าหากสร้างเป็นการระเบิดขนาดเล็กมาก ๆ แทนแล้ว กำลังของมันก็จะกลายเป็นกระแสลมกำลังพอเหมาะกับที่สามารถนำไปช่วยในการใช้ยกของหนักได้ด้วย
“อ๋า...”
เฟลิกซ์พยักหน้าเข้าใจ ไม่เขาเองก็ไม่คิดว่าพลังของสหายของเขามันทำเช่นนี้ได้ด้วยหรือนี่
“เชิญท่านทั้งสองตามมาที่ห้องพักได้เลยนะครับ”
หมอคนเดิมขัดการสนทนาของสองสหายเพื่อให้พวกเขาเดินตามเตียงของฟินตันไปยังห้องพักส่วนตัวที่บอลด์วินได้เลือกเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว