the tale of the wind knight and the fire prince by: kritzy_8 co-planning by: naiya & monk

Chapter 15 - ความวุ่นวายที่ฮันโนฟ์วา

Trigger warning: This chapter contains the mention of rape.
 
“นี่มันก็วันนึงเต็ม ๆ แล้วนะ ทำไมฟินตันยังไม่ฟื้นอีกล่ะ เฟลิกซ์ ข้ากลัว...”
เฟลิกซ์ได้ยินแบบนั้นก็มองสหายของเขาที่ทำเสียงแปลก ๆ ออกมา เขาเข้าใจดีแหละว่าบอลด์วินเป็นห่วงฟินตันมาก แต่เรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลาเสียหน่อย จะให้ฟินตันลุกขึ้นมาสร้างลูกไฟใส่เขาให้หยุดทำเสียงเอาแต่ใจแม้ตัวจะใหญ่ขนาดนี้ในตอนนี้ก็คงจะไม่ได้
“บอลด์วิน เจ้าใจเย็นเสียหน่อย ฟินตันต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว สีหน้าของเขาก็ดูดีขึ้นกว่าวันก่อนมากแล้วมิใช่หรือยังไง?”
ใบหน้าที่เคยหมองของฟินตันในวันก่อน ในยามเย็นของวันถัดมานี้ดูสดใสมากขึ้นจนคล้ายปกติ แต่ถึงอย่างนั้นฟินตันก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมา แม้จะได้ยาและการรักษาจากโรงพยาบาลและการที่บอลด์วินแอบเอาคริสตัลสีเขียวที่เขามีไปใส่บริเวณแผลที่หัวไหล่ของคนเป็นเจ้าชายแล้วก็ตาม
“เห้อออ... ข้าเป็นห่วงฟินตันนี่นา เจ้าก็น่าจะเข้าใจมิใช่หรือ?”
บอลด์วินขยับออกมาจากการใช้นิ้วลูบไปตามใบหน้าของคนบนเตียงแล้วเปลี่ยนมานั่งลงที่เก้าอี้ตัวยาวข้างเฟลิกซ์แทนพร้อมกับถอนหายใจออกมา แม้เฟลิกซ์เองจะกระวนกระวายน้อยกว่าเพราะมั่นใจในการรักษาจากหมอ แต่เขาเองก็แอบที่จะรู้สึกไม่ดีเช่นกันที่ฟินตันเป็นแบบนี้ในขณะนี้
“ไหน ๆ ก็มีโอกาสแล้ว ข้าขอถามได้หรือเปล่าว่าเจ้ากับฟินตันอยู่ในขั้นไหนแล้วในตอนนี้?”
เฟลิกซ์ที่เห็นว่าฟินตันคงจะยังไม่ฟื้นขึ้นในอีกไม่กี่นาทีนี้แน่ ๆ เลยใช้จังหวะนี้ในการลอบถามสหายของเขาเสียเลยว่าในความสัมพันธ์นี้พวกเขาอยู่ที่จุดไหนกันแล้ว นี่เฟลิกซ์ไม่ได้อยากจะสอดรู้สอดเห็นอะไรหรอกนะ แค่เห็นว่าเป็นเรื่องของสหายที่เขารู้จักมาตั้งแต่เด็กเฉย ๆ เท่านั้น
“ทำไม? เจ้าถามทำไม?”
บอลด์วินหันมามองเฟลิกซ์พร้อมตอบด้วยเสียงแข็ง ต่างจากเมื่อกี้ที่ทำเสียงเอาแต่ใจอยู่ข้างเตียงของฟินตันคนละขั้วเลย
“ข- ข้าก็แค่อยากรู้เรื่องของสหายเก่าแก่ของข้าเท่านั้นเอง ไม่ได้หรือ?”
เฟลิกซ์ได้ยินเสียงและได้เห็นสายตาสีฟ้าคู่นั้นของบอลด์วินก็สะดุ้งเล็กน้อย แต่แล้วยังไงเขาก็อยากรู้อยู่ดีนั่นแหละ
“ก็ไม่ได้ขัดอะไรข้าหรอกนะ ข้ากับฟินตันก็... ข้ากำลังพยายามเข้าหาเขาอยู่น่ะ ตั้งแต่ตอนที่เจ้าพูดว่าหากข้าไม่รีบทำอะไรเข้าเขาจะโดนคนอื่นครอบครองไปเสียก่อน ข้าไม่ยอมหรอกนะถ้าจะเป็นเช่นนั้น ฟินตันเป็นของข้าแต่เพียงคนเดียว”
“วี้ว... โห... พูดออกมาได้นะเจ้าน่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเฟลิกซ์ก็ผิวปากพร้อมกับกระทุ้งสีข้างของสหายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขาทันทีเป็นการล้อเลียน ดูท่าแล้วสหายของเขาจะคลั่งรักเจ้าชายพระองค์นี้มากเลยทีเดียวเชียว แต่คนน่ารักแบบฟินตันจะมีคนมาชอบแบบนี้ก็ไม่แปลกหรอก และยิ่งถ้าได้คบกับสหายของเขาที่ดูดีเช่นนี้แล้วด้วย ไม่ว่ายังไงก็มีแต่คำว่าเหมาะสม แม้จะเป็นชายทั้งคู่ แต่ก็ไม่เห็นว่าจะเป็นเรื่องอะไรเลย นี่มันเป็นเรื่องแทบจะปกติของทวีปยูโรปามากว่าสามทศวรรษแล้วที่คนเพศเดียวกันจะแต่งงานอยู่กินร่วมกัน
ที่น่ากังวลน่ะคือเรื่องของชนชั้นทางสังคมต่างหาก บอลด์วินเป็นสามัญชน แต่ฟินตันเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ มันคงจะไม่ง่ายเท่าใดนักหรอก
“ไม่ต้องมาพูดเย้าแหย่ข้าเลยนะเฟลิกซ์”
บอลด์วินหันมาหาเฟลิกซ์พร้อมทำท่าเหมือนจะหาเรื่องเขาขณะที่ตัวของบอลด์วินเองกำลังหน้าแดงอยู่พอสมควร และนั่นทำให้เฟลิกซ์ส่ายหัวออกมา
“หากมีอะไรให้ข้าสามารถช่วยได้ก็บอกข้าได้นะ”
เฟลิกซ์เองก็อยากเป็นหนึ่งในตัวช่วยที่ทำให้สหายของเขาได้ลงเอยกับคนที่รักอีกแรงหนึ่ง แม้ตัวเฟลิกซ์เองก็โสดมาได้พักใหญ่ ๆ แล้ว แต่ถ้ามีคนช่วยด้วยเพิ่มอีกแรงก็ยังดีกว่าพยายามไปคนเดียวเป็นไหน ๆ
“ข้าจัดการเรื่องนี้เองได้น่า เจ้ารอทำครัวซองต์กับตัดชุดให้ฟินตันอยู่เงียบ ๆ ไปดีแล้ว”
พูดจบบอลด์วินก็หันหน้าหนีสหายของเขาไปทางนอกหน้าต่างแทน อากาศในวันนี้สดใสกว่าเมื่อวันก่อนที่มีเมฆครึ้มเต็มท้องฟ้าไปหมด ก่อนจะตามมาด้วยฝนตกหนักในตอนกลางคืน คงเพราะเหตุนี้แหละมั้งที่ทำให้วันนี้ทั้งวันมีแดดออกจ้าตลอดวัน ส่งไอร้อนน้อย ๆ กระจายเข้ามาในอาคารจนต้องเปิดหน้าต่างออกบ้างเพื่อเป็นการระบายอากาศและรับความเย็นจากกระแสลม
 
“ข้าขอไปอาบน้ำก่อนครู่เดียว เจ้าอย่ากวนฟินตันมากเสียเล่า ให้เขาได้พักผ่อนดี ๆ เข้าใจหรือเปล่า?”
เฟลิกซ์ถือของใช้ของตนเตรียมจะไปอาบน้ำที่โรงอาบน้ำใกล้ ๆ กับโรงพยาบาล แต่ก่อนจะออกไปก็ขอฝากฝังสหายของเขาเอาไว้เสียหน่อยสักเล็กน้อยถึงการทำตัวของเขา ที่ไม่เกินทุกสิบนาทีจะต้องขยับตัวไปนั่งริมขอบเตียงแล้วลูบคนบนเตียงที่ยังคงไม่ฟื้นไปมาตลอดจนเฟลิกซ์เกรงว่าฟินตันที่ถึงแม้จะยังไม่ฟื้นแต่ก็อาจจะรู้สึกรำคาญจนไม่ได้พักอย่างเต็มที่ได้
“ข้ารู้แล้ว แล้วข้าก็ไม่ได้กวนฟินตันด้วย เจ้าสบายใจได้”
บอลด์วินพูดพร้อมกับเท้าคางมองฟินตันอยู่ที่ขอบเตียง แต่นั่นก็ไม่ทำให้เฟลิกซ์ไว้ใจสหายของตนได้อยู่ดีว่าสหายของเขาจะไม่ไปแตะตัวจนเป็นการกวนการฟื้นฟูร่างกายของเจ้าชายพระองค์สุดท้ายของราชวงศ์หรือไม่
“เห้อ… ไว้ข้าจะรีบกลับมาก็แล้วกัน”
“เจ้าไปนาน ๆ เลยก็ได้ ข้าไม่ว่าอะไร”
บอลด์วินพูดประชดแล้ววางคางของตัวเองลงที่แขนสองข้างที่วางอยู่บนเตียง เขารู้สึกง่วงหน่อย ๆ แล้วในตอนนี้ แต่ก็ยังอยากที่จะเฝ้ามองรอคนบนเตียงฟื้นขึ้นมาอยู่
“ให้ตายเถอะ”
เสียงพูดของเฟลิกซ์ตามมาด้วยเสียงปิดประตูห้องพักผู้ป่วย เมื่อเฟลิกซ์จากไป บอลด์วินก็ได้โอกาสที่จะอยู่กับฟินตันสองคนอย่างเป็นส่วนตัว กาลเวลาที่ค่อย ๆ เดินผ่านไปมันช่างเชื่องช้าเสียเหลือเกินในมุมมองของอัศวินหนุ่ม ถ้าหากมันเดินเร็วกว่านี้ได้จะดีแค่ไหนกัน? เขารอไม่ไหวแล้วที่จะได้ยินเสียงคนที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงพูดกับเขาอีกครั้ง ทั้ง ๆ ที่พึ่งผ่านมาหนึ่งวันครึ่งเท่านั้นเอง แต่เขากับคิดถึงเสียงนั้นมากเสียเหลือเกิน
“เห้อ… ตื่นมาคุยกับข้าได้หรือยังฟินตัน เจ้าจะนอนแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่?”
มือของบอลด์วินเอื้อมไปปัดผมสีน้ำตาลที่ปรกหน้าผากของฟินตันออกเพื่อให้เขาสามารถมองเห็นใบหน้านั้นได้ชัดเจนขึ้น เขาถอนหายใจออกมาก่อนที่ตาจะค่อย ๆ ปิดลงทีละนิด และไม่อาจต้านทานความง่วงเอาไว้ได้อีกต่อไป
 
“บอลด์วิน ข้ากลับมาแล้ว เจ้าไม่ได้กวนฟิ-”
“ชู่ว…”
เสื้อผ้าที่ใส่แล้วกับข้าวของในมือของเฟลิกซ์เกือบจะหล่นลงบนพื้นเมื่อเขาเปิดประตูเข้ามาเห็นภาพตรงหน้าที่ชวนให้ดีใจและตกใจไปพร้อม ๆ กัน ฟินตันฟื้นจากฤทธิ์ของคริสตัลสีดำแล้ว และกำลังนั่งพิงหัวเตียงที่ถูกรองไว้ด้วยหมอนอยู่
“อื้อ”
เฟลิกซ์พยักหน้ารับทราบทันทีที่เขามองต่อไป บอลด์วินนั้นหลับไปแล้วด้วยการนั่งหลับแล้วใช้แขนของตนวางบนขอบเตียงของฟินตันหนุนแทนหมอน และบนกลุ่มเส้นผมที่มีสีเฉกเช่นเดียวกับท้องฟ้าในยามกลางคืนนี้ก็มีมือของฟินตันลูบไปมาอยู่ เฟลิกซ์มองดูใบหน้าของฟินตันก็พบว่าเจ้าตัวอมยิ้มอยู่หน่อย ๆ ขณะที่ลูบไปมาในกลุ่มผมสีดำนั้นด้วย
ดูท่าแล้ว สองสหายของเฟลิกซ์คงจะมีใจตรงกัน
“เจ้าฟื้นนานแล้วหรือยัง?”
เฟลิกซ์เดินมาที่ขอบเตียงอีกฝั่งที่ไม่มีใครมานั่งหลับอยู่ ก่อนจะขยับปากเป็นคำถามถามฟินตัน
“เมื่อครู่นี้นี่เอง”
เฟลิกซ์พยักหน้ากับคำตอบก่อนจะค้อมหัวลงเล็กน้อยเป็นการขออนุญาต แล้วค่อย ๆ เลิกแขนเสื้อฝั่งซ้ายของฟินตันขึ้นเพื่อตรวจสอบดูแผลที่เป็นที่มาที่ทำให้เจ้าตัวสลบไปถึงหนึ่งวันกว่า ๆ
“เจ็บหรือไม่?”
เฟลิกซ์กระซิบเสียงเบา เพราะกลัวว่าบอลด์วินจะตื่นเอาได้ และถ้าหากบอลด์วินตื่นแล้ว ฟินตันก็คงจะเขินกับการกระทำของตนเองและเลิกลูบหัวสหายของเขาไปแน่ ฉะนั้นเฟลิกซ์เลือกที่จะเงียบให้ได้มากที่สุดไว้ดีกว่า
“ไม่เท่าไหร่”
ฟินตันตอบพร้อมส่ายหน้าในขณะที่เฟลิกซ์ค่อย ๆ แกะผ้าพันแผลออก แผลของฟินตันยังคงมีรอยสีดำหลงเหลืออยู่บ้าง ซึ่งเป็นสิ่งที่ย้ำเตือนว่าบริเวณนี้ถูกอะไรสัมผัสมา และคงจะอีกหลายวัยจนกว่ารอยสีดำในเนื้อนี้จะค่อย ๆ หายไป
“อือ… หืม?”
“เอ่อ บอลด์วิน ข้าขอโทษที่ลูบหัวเจ้-”
ควับ!
ไม่ทันที่ฟินตันจะได้เขินหรือพูดจบประโยค เขาก็ถูกบอลด์วินที่กำลังสะลืมสะลืมคว้าเข้ามากอดไว้กันที เพียงแค่บอลด์วินรู้ว่าคนที่เขาเฝ้ารออยู่ฟื้นขึ้นมาแล้วก็ตื่นเต็มตาและห้ามตัวเองไม่ให้ทำแบบนี้ได้จริง ๆ
“ข้าดีใจที่เจ้าฟื้นนะฟินตัน”
อ้อมกอดของบอลด์วินที่โอบรอบตัวของฟินตันเอาไว้ทำให้เฟลิกซ์ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอย่างไรดี เขาเลยส่งสัญญาณมือให้ฟินตันว่าเดี๋ยวเขาจะออกไปเดินเล่นด้านนอกรอ ซึ่งฟินตันก็พยายามเอื้อมมือมาทำท่าห้ามไม่ให้เฟลิกซ์ออกไป แต่ก็ไม่อาจห้ามหนุ่มผมสีทองคนนี้ที่อยากจะให้ฟินตันกับบอลด์วินได้อยู่ด้วยกันตามลำพังได้เลย
“ขอบคุณเจ้าเช่นกันนะที่มาช่วยข้า แล้วก็เฟลิกซ์ด้วย”
ฟินตันไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณสหายของเขาและคนที่หนีเขาออกจากห้องพักไปเมื่อครู่นี้ ถ้าฟินตันไม่ได้สหายของเขาทั้งสองคนนี้ ในตอนนี้เขาคงจะได้ไปนั่งคุยกับบริจิดและโดนอัลดริชแกล้งอยู่บนกลุ่มเมฆบนฟากฟ้าแล้วแน่ ๆ เลย
“อย่าพึ่งพูดถึงเจ้านั่นจะได้หรือเปล่า?”
ฟินตันเม้มปากเมื่อได้ยินสิ่งที่บอลด์วินพูดด้วยน้ำเสียงเอาแต่ใจ และเขาก็พึ่งสังเกตว่าอวัยวะภายในอกของคนที่กอดเขาอยู่นั้นมันกำลังเต้นแรงมากเลย
“ทำไมล่ะ?”
ความรู้มากมายมันตีกันยุ่งเหยิงไปหมดในตอนที่เขาสลบไปเพราะคริสตัลสีดำ แต่แม้ตัวของเขาจะปิดการรับรู้ภายนอกลงไปตลอดหนึ่งวันครึ่งที่ผ่านมา แต่ภายในหัวของเขามันก็ยังคงแล่นทำงานอยู่ต่อไป เขาได้คิดมาแล้วในระหว่างที่หลับอยู่ถึงหลายเรื่อง โดยเฉพาะความรู้สึกที่เขามีในตอนที่กำลังจมน้ำก่อนที่เฟลิกซ์จะมาเทเลพอร์ตเขาออกไป ฟินตันที่แม้จะรู้สึกแปลก ๆ ภายในใจ แต่มันก็ทำให้เขาอยากถามบอลด์วินที่ตอนนี้เลิกกอดเขาไว้แน่นแล้วขยับออกมามองใบหน้าของเขาแทนแล้วถึงเหตุผลจากอีกฝ่าย
ทั้งการที่จู่ ๆ บอลด์วินก็ทำอะไรหลายอย่างที่มากเกินกว่าที่ทำมาตลอด และรวมไปถึงการที่มีท่าทางแปลก ๆ หลังจากที่เขาสนิทกับเฟลิกซ์ มันคงจะแปลเป็นอะไรมากไม่ได้จริง ๆ ในความคิดของเขา แต่เพื่อความมั่นใจแล้วนั้น…
“เจ้าจะให้ข้าพูดจริง ๆ หรือ?”
นิ้วมือของบอลด์วินขยับขึ้นมาเขี่ยที่แก้มของฟินตันเบา ๆ จนอีกฝ่ายรู้สึกจั๊กจี้ ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นการประคองใบหน้าอีกฝ่ายไว้ให้สบตากับเขาแทน
“อ- อื้อ”
“มันไม่ใช่แค่ข้าหวงเจ้า แต่ข้าชอ-”
ปัง!
“บอลด์วิน ฟินตัน ก้มหัวของพวกเจ้าลงเดี๋ยวนี้ เร็วเข้า!”
เสียงเปิดประตูดังขึ้นอย่างกะทันหันพร้อมด้วยเสียงพูดของเฟลิกซ์ที่จะว่าเหมือนการตะโกนก็ใช่แต่ก็ดูเหมือนการกระซิบอยู่ด้วย สีหน้าของเขาตื่นตระหนกพอสมควร ราวกับว่าไปพบอะไรที่น่ากลัวมา
“ม- มันเกิดอะไรขึ้น?”
ฟินตันถามพร้อมกับพยายามมองรอบ ๆ ว่ามีอะไรผิดปกติ แต่ก็ไม่พบอะไร
“นี่เจ้าหาเรื่องขัดจังหวะข้ากับฟินตันใช่หรือไม่ หา?”
บอลด์วินพ่นลมหายใจออกมาแล้วลุกขึ้นไปหาเฟลิกซ์พร้อมถามด้วยน้ำเสียงหาเรื่อง บรรยากาศทั้งหมดมันกำลังดีแท้ ๆ ถ้าหากไม่โดนสหายเก่าแก่ของเขาเข้ามาขัดจนเป็นแบบนี้
“ขัดบ้าอะไรเล่า เมื่อครู่ข้ากำลังจะออกไปเดินเล่นรอบ ๆ โรงพยาบาล แต่แล้วก็เจอเข้ากับกลุ่มทหารของทางการกลุ่มใหญ่กำลังมุ่งหน้ามา ข้าไปได้ยินมาด้วยว่าพวกนั้นกำลังตามหาพวกเราทั้งสาม”
เฟลิกซ์รีบอธิบายเพราะเกรงว่าจะโดนบอลด์วินทำร้ายเข้าเสียก่อน แต่หลังจากพออธิบายเสร็จสิ้น ข้างนอกหน้าต่างก็ปรากฏเงาจำนวนมากมายขึ้น และเงาเหล่านั้นมาพร้อมกับแสงไฟทั้งจากคบเพลิงและคริสตัลสีเหลืองด้วย
“เวรแล้วไง”
ฟินตันถีบผ้าห่มออกแล้วขยับตัวจะลุกออกจากเตียง แต่นั่นก็ทำให้เฟลิกซ์รีบเข้ามาห้ามไว้
“หยุดก่อนฟินตัน เจ้าใจเย็น ๆ เอาแบบนี้ก็แล้วกัน บอลด์วิน เจ้าพาฟินตันเดินให้ได้เสีย แล้วเก็บของด้วยท่าที่จำเป็นด้วย เดี๋ยวข้าจะกลับมา”
“แล้วเจ้าจะไปไหน?”
ฟึ่บ!
ยังไม่ทันที่จะรอฟังคำถามของฟินตัน เฟลิกซ์ก็เทเลพอร์ตหายไปจากห้องพักผู้ป่วย เหลือเพียงบอลด์วินกับฟินตันที่มองหน้ากันอยู่ด้วยความรู้สึกแปลก ๆ
“เอ่อ… ใช่ เจ้ายืนได้หรือเปล่า? ลองค่อย ๆ ก้าวขาลงพื้นแล้วยืนให้ข้าดูหน่อย”
 
ฟึ่บ!
“เย้ย! เชี่ยเอ๊ย!”
เฟลิกซ์เทเลพอร์ตลงมาจากชั้นสามของอาคารเพื่อจะมาลอบดูลาดเลาของบริเวณรอบ ๆ แต่จุดที่เขาเทเลพอร์ตลงมานี้กลับเป็นบริเวณเกือบหน้าทางเข้าของโรงพยาบาลพอดี ซึ่งในขณะนี้มีหัวหน้าของหน่วยเจ้าหน้าที่ทหารของทางการกำลังพูดคุยกับนางพยาบาลคนหนึ่งอยู่ และเฟลิกซ์ก็เกือบถูกเห็นเข้าแล้วถ้าหากเขาไม่รีบขยับไปหลบกับมุมของทางเดิน
เนื่องด้วยพลังเทเลพอร์ตของเฟลิกซ์เป็นเพียง level 3 ฉะนั้นความแม่นยำในการเทเลพอร์ตจึงไม่ค่อยแม่นยำมากนัก แล้วยิ่งเป็นการเทเลพอร์ตจากชั้นสามลงมาชั้นหนึ่งแบบนี้แล้วด้วยอีก จึงไม่แปลกเลยที่จุดที่เขาคาดเดาเอาไว้ในการคำนวนก่อนที่จะเทเลพอร์ตนั้นจะคลาดเคลื่อน
“หา? เจ้าชายฟินตันกับพวกกบฏน่ะหรืออยู่ที่นี่?”
นางพยาบาลตอบด้วยน้ำเสียงตกใจ ก่อนจะรีบเปิดสมุดเล่มหนึ่งที่คาดว่าน่าจะเป็นรายชื่อผู้ป่วยให้เจ้าหน้าที่จากทางการดูด้วยอาการสั่นเล็กน้อย
ด้านเฟลิกซ์เองก็ยกยิ้มเล็กน้อยหลังจากได้ยินคำพูดนั้น อายุของเขาเพียงแค่ยี่สิบสามปีเศษ แต่ก็กลายเป็นที่รู้จักในนามกบฏของอาณาจักรแล้วหรือนี่
“ท่านดักลาสซ์ขอรับ อาร์เจน เบลซ คือนามปลอมของฟินตันขอรับ”
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งชี้ไปที่รายชื่อรายชื่อหนึ่งในหน้าเกือบสุดท้ายที่มีการจดบันทึกข้อมูลของคนที่เข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลแห่งนี้เอาไว้
“ห้อง 306 สินะ ขอบใจเจ้ามาก เห้ย! แบ่งกำลังกันไปตามแต่ละบันได”
คนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าหน่วยที่ชื่อดักลาสซ์พูดขอบคุณที่พยาบาลให้ความร่วมมือในการตามหาฟินตัน ก่อนจะหันไปสั่งลูกน้องของเขาให้กระจายกันออกไปทุกบันไดของโรงพยาบาลเพื่อป้องกันไม่ให้คนที่เป็นเป้าหมายหลบหนีไปได้
แต่เฟลิกซ์สงสัยอยู่อย่างนึง กลุ่มเจ้าหน้าที่จากทางการกลุ่มนี้หาพวกเขาเจอได้อย่างไรกัน? แต่แล้วคำตอบของคำถามนั้นก็ถูกทำให้กระจ่างด้วยภาพตรงหน้าที่กำลังเห็นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งกลืนคริสตัลสีขาวลงท้องไป ก่อนที่ใบหน้าของเขาคนนั้นจะหันไปในทิศทางที่ห้องพักของฟินตันตั้งอยู่ และชี้นิ้วไปในทิศทางนั้น
“ทางนั้นขอรับ”
“เชี่ยเอ๊ย! Stalker หรือนี่?”
ฟึ่บ!
 
“ข้าไหวอยู่ เจ้ารีบเก็บของเสียเถอะ”
ฟินตันที่ลองเดินดูสองสามก้าวแล้วพบว่าไม่มีปัญหาอะไรในการทรงตัวและการเดิน จึงบอกให้บอลด์วินไปเก็บของแทนการสนใจเขา เพราะเวลาดูเหมือนจะไม่ค่อยมีนักในสถานการณ์ตอนนี้
“ถ้ารู้สึกไม่สบายตรงไหนรีบบอกข้าทันทีเลย เข้าใจหรือไม่?”
มือทั้งสองข้างของบอลด์วินวางลงที่ไหล่ของฟินตันก่อนจะพูดสั่งคนเป็นเจ้าชายว่าให้แจ้งเขาทันทีหากรู้สึกไม่ดีหรือแปลกไปจากปกติ บอลด์วินยังไม่ไว้ใจนักว่าฤทธิ์จากคริสตัลสีดำมันจะยังหลงเหลืออยู่มากน้อยเพียงใดภายในร่างกายของฟินตัน เมื่อพูดเสร็จ บอลด์วินก็ผละออกจากฟินตันไปเก็บข้าวของที่จำเป็นทันที
“อึก- บ้าเอ๊ย ติดสิวะ ไอ้เชี่ยเอ๊ย!”
เสียงสบถเป็นคำหยาบที่บอลด์วินแทบไม่เคยได้ยินเลยดังขึ้นมาจากเจ้าชายหนุ่ม และนั่นมันดึงให้เขาหันไปสนใจทันทีว่าอะไรทำให้ฟินตันสบถออกมาเช่นนั้น
ฟินตันพยายามที่จะจุดเปลวไฟขึ้นในมือของตนเอง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมีเพียงสะเก็ดไฟและเปลวเพลิงที่ขาด ๆ หาย ๆ เพียงเท่านั้น เห็นได้ชัดเจนเลยว่าฤทธิ์ของคริสตัลสีดำนั้นยังคงอยู่ หากเป็นเช่นนี้แล้วนอกจากที่ฟินตันจะได้รับบาดเจ็บ กำลังของพวกเขาที่ใช้ในการต่อสู้ได้ก็หายไปถึงหนึ่งคนเลยด้วย แถมเป็นหนึ่งคนที่มีพลังสูงมากพอที่จะต่อกรกับกองกำลังขนาดนี้ได้อีกต่างหาก
“ไม่ต้องพยายามหรอกฟินตัน เจ้าจะเหนื่อยเสียเปล่า”
บอลด์วินสะพายกระเป๋าเป้ของตนเองแล้วเดินไปกุมมือของฟินตันที่ยังคงพยายามจะใช้พลังของตนเอาไว้ ใบหน้าของเจ้าชายหนุ่มในตอนนี้เต็มไปด้วยความสับสนและว้าวุ่น ในใจของฟินตันกำลังคิดอยู่ว่ามันจะมีทางยังไงให้สามารถหลบหนีออกไปได้โดยปลอดภัย แต่สมองของเขาก็คิดอะไรไม่ออกเลย มันว่างเปล่าไปหมดในแบบที่ผิดปกติ
ฟึ่บ!
“พวกเจ้าเก็บของเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่? พวกมันกำลังจะขึ้นมากันแล้ว”
“เชี่ย!”
ในตอนนั้นเองที่เฟลิกซ์เทเลพอร์ตกลับเข้ามาในห้องพักจนทำให้ฟินตันเผลออุทานออกมาเป็นคำที่ไม่สุภาพเอามาก ๆ
“ฟ- ฟินตัน เจ้าอุทานได้ไม่สมกับเป็นเจ้าชายเลยเมื่อครู่”
เฟลิกซ์ตกใจเล็กน้อยกับคำที่ได้ยิน แต่เมื่อพิจารณาว่าฟินตันใช้ชีวิตอย่างสามัญชนมาหลายปี แถมยังมีสหายเก่าแก่ของเขาอย่างบอลด์วินคอยดูแลอยู่ไม่ห่างอีก ก็คงไม่แปลกที่จะอุทานเช่นนี้หรอกมั้ง
“มันใช่เวลามานึกถึงคำอุทานของข้าหรือเฟลิกซ์ พวกเราจะทำอย่างไรต่อดี ในสถานการณ์แบบนี้ข้ากลับคิดอะไรไม่ออกเลยให้ตายสิ”
ฟินตันกล่าวพร้อมกับยืนเท้าสะเอวมองสหายคนใหม่ที่พึ่งรู้จักกันได้ไม่กี่วันของเขาแล้วส่ายหน้า ก่อนที่จะกลับมาเอามือกุมขมับแล้วเกาหัวของตัวเองแรง ๆ ไปสองสามทีเผื่อว่าจะคิดอะไรออกได้บ้าง
“ข้าขอโทษ อ่า… เจ้าวิ่งไหวหรือเปล่า?”
เฟลิกซ์ขอโทษที่ตนนอกเรื่องแล้วถามถึงร่างกายของฟินตันว่าพร้อมหรือไม่กับการวิ่ง เพราะในตอนนี้ทางเดียวที่จะหนีรอดออกไปจากที่นี่ได้ก็มีเพียงต้องใช้พลังเทเลพอร์ตของเขาเท่านั้น
“ไม่ไหวก็ต้องไหว แต่ข้าจะพยายามให้วิ่งได้เร็วที่สุดนะ”
“ถ้าเช่นนั้น บอลด์วิน ข้าจะเทเลพอร์ตฟินตันออกไปนอกอาคารก่อน จากนั้นจะกลับมาเทเลพอร์ตเจ้าตามไป ตกลงหรือเปล่า?”
เฟลิกซ์อธิบายอย่างรวบรัดขณะคำนวณภายในใจว่าจะต้องเทเลพอร์ตไปในระยะเท่าไหร่จึงจะลงที่พื้นสนามหญ้าด้านนอกของอาคารได้โดยไม่กระทบกระเทือนมากนัก
“ตกลง เช่นนั้นข้าจะดูต้นทางไว้ให้ เจ้ารีบพาฟินตันไปเสีย”
ในเมื่อทางเลือกมีไม่มาก บอลด์วินพยักหน้าตอบตกลงพร้อมกับดันตัวของฟินตันไปหาเฟลิกซ์พร้อมกับเอาของยัดใส่มือคนเป็นเจ้าชายฝากไปหน่อยจำนวนหนึ่ง
“ฟินตัน จับมือข้าเอาไว้ดี ๆ นะ สาม… สอง… หนึ่ง”
ฟึ่บ!
สิ้นเสียงเทเลพอร์ต ฟินตันกับเฟลิกซ์ก็หายไปจากบริเวณของห้องพักผู้ป่วย พร้อมกับเสียงของฝีเท้าที่กำลังใกล้ประตูของห้องเข้ามาเรื่อย ๆ
บอลด์วินชักดาบที่เหน็บเอาไว้ข้างลำตัวออกมาถือเอาไว้ในมือแน่นเพื่อเตรียมพร้อมที่จะตั้งรับการต่อสู้ในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า และโดยไม่ต้องรอให้เสียเวลา ประตูห้องพักถูกถีบอย่างแรงจนมันหลุดออกมากผนังแล้วล้มลงกับพื้น
“สวัสดีอีกครั้ง ข้าดักลาสซ์… ทำกับพวกข้าไว้เจ็บแสบเหลือเกินนะ”
“ฟินตัน เจ้าวิ่งไปทางนั้นเรื่อย ๆ ห้ามหยุดเป็นอันขาดนะ ข้าจะไปรับบอลด์วินแล้วจะรีบตามเจ้าไ-”
ตู้ม!
เสียงดังสนั่นดั่งสายฟ้าฟาดดังขึ้นจากชั้นสามของโรงพยาบาลพร้อมด้วยลำแสงสีแปลกตาที่ส่องสว่างเป็นเส้นพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าและทิศทางอื่น ๆ อีกมากมาย
บอลด์วินกำลังถูกโจมตีด้วยพลังเวทอยู่
“ข- เข้าใจแล้ว พวกเจ้าต้องรีบตามข้ามานะ”
ฟึ่บ!
เฟลิกซ์เพียงแค่พยักหน้าแล้วเทเลพอร์ตหายไป ส่วนฟินตันก็เริ่มออกวิ่งไปในทิศทางที่เฟลิกซ์เป็นคนชี้บอกเขาเอาไว้ ซึ่งเมื่อพ้นทางทุ่งหญ้าของบริเวณโรงพยาบาลออกไปก็จะเป็นบริเวณสวนขนาดกลางที่มีโบสถ์ประจำเมืองตั้งอยู่พร้อมยอดของมันที่พุ่งสูงเสียดฟ้าราวกับต้องการจะสื่อถึงพระผู้เป็นเจ้าที่อยู่เบื้องบนให้รับรู้ถึงคำอธิษฐานของเหล่ามวลมนุษย์
“แฮ่ก… ให้ตายเถอะ เท่านี้ข้าก็เหนื่อยแล้วหรือ?”
ฟินตันบ่นพึมพำกับต้นเองพร้อมกับพยายามวิ่งไปข้างหน้าเรื่อย ๆ แต่ก็ยังมองกลับหลังไปเป็นระยะ และการที่ยังคงได้ยินเสียงอันไม่น่าฟังและเส้นแสงมากมายเหล่านั้นก็เป็นคำตอบได้ว่าสหายของเขาทั้งสองคนที่บอกว่าจะตามมานั้นยังคงมีชีวิตอยู่และกำลังหลบการโจมตีอยู่ คำพูดที่เฟลิกซ์พูดกับเขามันทำให้เจ้าชายหนุ่มนึกถึงเหตุการณ์ในคืนวันนั้นขึ้นมา คำพูดที่บอกให้เขาวิ่งหนีไปให้เร็วที่สุดแล้วห้ามหยุดดั่งที่บริจิดและกันเธอร์เคยพูด
 
“ไม่เลวนี่ สมแล้วจริง ๆ ที่เป็นบุตรชายของหัวหน้าองครักษ์ของอาณาจักร”
หัวหน้าของกลุ่มทหารนี้เป็นจอมเวทระดับกลางค่อยไปทางสูงที่เชี่ยวชาญในด้านการใช้พลังบีม พลังที่จะสร้างลำแสงสีต่าง ๆ ที่เปล่งแสงได้และมีพลังในการทำลายล้างสิ่งที่สัมผัสเข้ากับมัน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผนังและเพดานของโรงพยาบาลถึงมีรูที่ส่งกลิ่นไหม้และเปล่งแสงสีส้มอ่อน ๆ ที่แสดงความร้อนออกมามากมายเพียงนี้
“แฮ่ก- ข้าไม่มีวันส่งฟินตันให้เจ้าเป็นอันขาด คนอย่างเจ้าไม่มีทางจะได้แตะต้องตัวของเขานอกจากจะต้องข้ามศพของข้าไปเสียก่อน”
บอลด์วินหอบพร้อมกับใช้ฝ่ามือปาดเหงื่อบริเวณหน้าผากของตนออก ก่อนหน้านี้เขาใช้พลังของตนในการโจมตีกลับก็แล้ว ใช้วัตถุต่าง ๆ มาพยายามป้องกันก็แล้ว แต่วันถุเหล่านั้นรวมถึงพลังลมของเขาก็ไม่อาจทำอะไรลำแสงจากพลังเวทนั้นได้เลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำเขาในตอนนี้ยังถูกต้อนจนจนมุมอีกต่างหาก
“ในสภาพเช่นนั้นยังกล้าพูดจาอวดดีอีกหรือ?”
สายตาของบอลด์วินกวาดมองไปทางด้านขวาที่นอกหน้าต่างก่อนจะเห็นเฟลิกซ์ที่ยืนอยู่บริเวณหลังคากันสาดด้านนอก และเขาอ่านปากจากเฟลิกซ์ได้ว่าให้รีบหนีออกมาเดี๋ยวนี้
“แล้วเรียกเจ้าชายด้วยสรรพนามว่าเขาหรือ มันเป็นสิ่งที่ควรจะใช้หรือยังไงกันล่ะ บอลด์วิน ไอเซินฮาร์ท?”
บอลด์วินตกใจเล็กน้อยที่อีกฝ่ายรู้ชื่อและนามสกุลของเขา แต่จากการที่เขาเป็นบุตรชายของหัวหน้าองครักษ์ของอาณาจักรที่สิ้นไปแล้ว รวมไปถึงยังคงเข้าร่วม System Scan และใช้ชื่อจริงของตนอยู่ตลอด จึงไม่แปลกใจนักที่ข้อมูลของเขาตลอดที่ผ่านมาน่าจะถูกกระจายสู่เจ้าหน้าที่ของส่วนกลางรวมไปถึงทหารเล่านี้จนหมดแล้ว
“เดี๋ยวนี้”
เฟลิกซ์ทำปากพร้อมส่งเสียงออกมาเล็กน้อยและชี้นิ้วเพื่อบอกให้สหายของเข้าออกมาได้แล้ว
“จะเรียกอย่างไรมันก็ไม่ใช่กงการของเจ้า อย่าสอดมันจะให้มาก และในวันนี้พวกเจ้าจะไม่ได้อะไรไปทั้งนั้น”
บอลด์วินพูดแล้วก็ถุยน้ำลายลงไปโดนปลายของเท้าของดักลาสซ์ สร้างความโกรธให้กับเขาเพิ่มเป็นเท่าตัว
“หึ ถ้าเช่นนั้นข้าก็คงจะต้องแสดงพลังสูงสุดของข้าให้ดูเสียแล้ว ถ้าหากเจ้ายังคงไม่ยอมส่งตัวฟินตันมาเสีย”
ฟู่...
ลูกบอลกลมสีม่วงปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของดักลาสซ์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าบอลด์วิน มันค่อย ๆ แผ่ขนาดใหญ่ขึ้นทีละน้อยจนมีขนาดใหญ่พอ ๆ กับศีรษะของคนที่สร้างมันขึ้นมา แสงสีม่วงของมันมองแล้วรู้สึกไม่อภิรมย์เอาเสียเลย
“จงหายไปซะ!”
ตู้มมมม!!
เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังขึ้นพร้อมกับผนังของโรงพยาบาลที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ จากแรงของพลังเวทอันแรงกล้า ชาวบ้านบริเวณรอบ ๆ ที่ตื่นขึ้นมาก่อนหน้าจากการต่อสู้ในตอนแรกต่างพากันส่งเสียงกรีดร้องและพากันแตกตื่นหาที่ซ่อนตัวกันให้ควัก
“หืม?”
เมื่อควันเริ่มจางลง ที่ที่บอลด์วินยืนอยู่ก่อนหน้ากลับไม่มีร่องรอยของเลือดหรือการบาดเจ็บใด ๆ จากการโจมตีเลย และนั่นทำให้ผู้เป็นจอมเวทงงงวยเป็นอย่างมาก
“พ- พลังของท่านมันคงรุนแรงมากจนมันน่ะสลายตายไปแล้วล่ะมั้งขอรับ”
“เป็นเช่นนั้นหรอกหรือ อึก ระวัง!”
ไม่นานเกินเสี้ยววินาทีที่จอมเวทผู้เป็นหัวหน้าได้ยกยิ้มที่มุมปากจากคำพูดของหนึ่งในผู้ใต้บังคับบัญชา เขาก็สัมผัสได้ถึงการโจมตีที่กำลังพุ่งเข้ามาใกล้จากทางด้านบน และนั่นก็คือบอลด์วินที่ถูกเฟลิกซ์พาเทเลพอร์ตขึ้นไปบนท้องฟ้า แล้วกำลังพุ่งตกลงมาพร้อมกับดาบในมือ และในระยะเพียงเท่านี้มันไม่ทันแน่นอนที่จะป้องกัน
“ย๊ากกกก!”
ชิ้ง!
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ
“อั่ก!”
“อ๊ากกกก!”
“แอ่ก!”
ดาบของบอลด์วินแม้จะทำให้เกิดรอยแผลยาวตั้งแต่ตาซ้ายและลากยาวลงมาถึงเอวด้านขวาของดักลาสซ์ แต่นั่นมันก็เป็นเพียงแค่รอยแผลที่ไม่ลึกมาก นอกจากตาข้างซ้ายที่ตอนนี้คงจะบอดไปแล้วก็ไม่มีความเสียหายอื่นใดอีกมากนัก แต่กระนั้นบอลด์วินก็ยังมีสหายของเขาอีกคนที่มีพลังสุดแสนหายากและมีประโยชน์อย่างเทเลพอร์ตอยู่ ที่ช่วยส่งเศษซากจากการระเบิดของผนังอาคารเมื่อครู่พุ่งเข้าใส่ร่างของลูกน้องหลายคนจนทำให้คนอื่นที่ไม่โดนการโจมตีหวาดกลัวและล่าถอยออกไปจากบริเวณซากที่เหลืออยู่ของห้องพักคนไข้เลขที่สามศูนย์ห้า
“ไอ้เวรนี่!”
ฟึ่บ!
ไม่ทันที่เสียงร้องคำรามของดักลาสซ์จะเปล่งออกมา เฟลิกซ์ก็พาบอลด์วินเทเลพอร์ตหนีไปเสียก่อน ซึ่งก็เป็นเวลาที่พอดีกับตอนที่หัวหน้าที่เป็นจอมเวทคนนั้นจะระเบิดพลังออกมาจนส่งเป็นลำแสงสีม่วงพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าและแหวกกลุ่มเมฆด้านบนออกจนเป็นช่องว่าง
“ท- ท่านดักลาสซ์ขอรับ พวกมันอยู่ทางนั้นขอรับ ค- แค่ก แอ่ก!”
ดานัลเดินเข้ามารายงานและหยุดความโกรธของผู้เป็นนายเอาไว้ แต่ในตอนนี้ร่างกายที่ถูกใช้งานมาอย่างหนักของเขามันใกล้จะทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เขากระอักเลือดออกมามากมายแต่ก็ไร้ซึ่งการดูแลหรือสนใจจากผู้เป็นนาย
“ดี… พวกเจ้าตามข้ามา ข้าจะเอาเลือดของมันมาล้างตีนของข้า ขอดูเสียหน่อยว่าเลือดของเชื้อพระวงศ์ส้นตีนนั่นมันจะมีสีน้ำเงินดั่งที่เขาว่ากันหรือเปล่า ไอ้ชนชั้นที่ใช้อำนาจกดข่มพวกเรามาหลายศตวรรษน่ะหรือข้าจะยอมให้มันได้กลับมาผลิใบอีกครั้ง? ข้าจะบดขยี้มันคนสุดท้ายนั้นให้สิ้นเสีย”
แม้คำสั่งของคีย์รันคือการจับเป็นฟินตันเท่านั้น แต่ในตอนนี้ไม่มีใครสามารถหยุดยั้งหัวหน้าหน่วยนามดักลาสซ์ได้อีกแล้ว
 
ตู้ม!!
เสียงระเบิดที่ดังก้องมาถึงที่โบสถ์ประจำเมืองทำให้ฟินตันสะดุ้งตกใจในขณะที่กำลังยืนพิงกับประตูไม้บานใหญ่ของโบสถ์อยู่เพื่อพักเหนื่อย ลำแสงสีม่วงที่พุ่งขึ้นบนท้องฟ้ายามค่ำคืนจนพลอยทำให้หมู่เมฆเปลี่ยนสีไปด้วยนั้นก็ยิ่งทำให้เขาเริ่มที่จะสั่นหน่อย ๆ แล้ว บอลด์วินกับเฟลิกซ์จะปลอดภัยใช่หรือเปล่า...
ฟึ่บ!
“ฟ… ฟินตัน พวกข้ามาแล้ว โอ๊ย เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว”
“ไอ้เชี่ยเอ๊ย!!”
พลั่ก!
 
“บอลด์วิน ข้าขอโทษ ข้านึกว่าพวกเจ้าเป็นพวกนั้น”
การเทเลพอร์ตมาอย่างกะทันหันของเฟลิกซ์ทำให้ฟินตันตกใจสุดขีด และนอกจากเขาจะอุทานออกมาเสียงดังแล้วก็ยังปล่อยหมัดออกมาชกหน้าเฟลิกซ์ไปด้วยอีกทีนึงเนื่องจากพลังจิตของตนเองยังใช้การไม่ได้ แต่เฟลิกซ์ที่เหนื่อยล้าจากการใช้พลังจิตของตนต่อเนื่องเป็นเวลานานนั้นทันทีที่เทเลพอร์ตมาก็ทรุดลงนั่งกับพื้นทันที และนั่นทำให้หมัดของฟินตันพุ่งเสยเข้าที่คางของบอลด์วินเต็มแรง
“อึก- ม- ไม่เป็นอะไร ไม่ต้องขอโทษ พวกข้าผิดเอง ไอ้บ้านี่”
โป๊ก!
“โอ๊ย!”
บอลด์วินมะเงกลงใส่หัวของเฟลิกซ์ไปทีนึงเนื่องจากหมัดนี้ที่เขาโดนนั้นควรจะเป็นคนที่นั่งหอบอยู่บนพื้นมากกว่าที่ควรโดนเข้าไป ไม่ใช่เขาที่ไม่ได้เทเลพอร์ตมาแล้วทักทายฟินตันจนคนเป็นเจ้าชายตกใจแบบนี้
“แต่ช่างมันก่อน ฟินตัน เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือเปล่า?”
บอลด์วินที่แม้จะเจ็บคางพอสมควรจากหมักของฟินตัน แต่มันก็ไม่มีเวลามาหยุดพักแล้ว แม้จะเป็นเวลากลางดึก แต่พวกเขาต้องรีบหนีออกจากเมืองฮันโนฟ์วาเดี๋ยวนี้เลย
“เอ้อใช่แล้ว ข้าลืมบอก แฮ่ก… ไปเสียสนิทเลย แฮ่ก… มีคนนึงในนั้นมี แฮ่ก…”
“เฟลิกซ์ เจ้าค่อย ๆ พูดก็ได้ อย่ารีบร้อน”
ฟินตันเห็นเฟลิกซ์พูดไปหอบไปก็เลยบอกให้อีกฝ่ายหยุดพักก่อนอีกพักหนึ่งก็ได้ หากพูดต่อไปในสภาพทั้งอย่างนี้ฟินตันเกรงว่าเฟลิกซ์จะลมขาดไปเสียก่อน
“ข้าไหว ข้าไหว… หนึ่งในนั้นมันมีคนนึงที่มีพลัง Stalker พวกเราต้องรีบหนีไปเดี๋ยวนี้”
เฟลิกซ์สูดหายใจเข้าลึก ๆ สองสามรอบแล้วจึงพยายามดึงตัวเองให้ลุกขึ้นยืนอีกครั้งโดยอาศัยการเกาะแขนของบอลด์วินเป็นตัวช่วย และการที่ฟินตันดึงมือของเขาให้ลุกขึ้น
“ให้ตายสิ อะไรวะเนี่ย!?”
ฟินตันสบถแล้วเตะเศษก้อนหินแถวนั้นออกไป แต่ก็ไม่มีเวลาให้ทำอะไรมากเท่าไรนัก เพราะพวกเขาต้องรีบเดินทางออกไปเพื่อทิ้งระยะห่างจากหน่วยทหารนี้โดยเร็วที่สุด มิเช่นนั้นก็จะต้องถูกตามมาได้แน่
 
บอลด์วินที่แข็งแรงที่สุดในตอนนี้เป็นคนเดินนำทางไปในความมืดมิดของไร่ฝ้ายของชานเมืองฮันโนฟ์วา ควันจากบริเวณที่เกิดการต่อสู้ในเมืองลอยขึ้นเด่นเป็นสายไม่ต่างจากในคืนนรกนั่นที่ฟินตันและบอลด์วินหนีออกมาได้ เพียงแค่ครั้งนี้มันไม่ใช่พระราชวังและส่วนต่าง ๆ ของเมืองที่เป็นของฝ่ายบริหารที่ถูกเผา แต่เป็นเพียงแค่ซีกหนึ่งของโรงพยาบาลเท่านั้น
ฟินตันหวังในใจว่าคงจะไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ในครั้งนี้นะ
“บอลด์วิน ช้าลงได้หรือเปล่า ข้า- ข้าเวียนหัวน่ะ”
ฟินตันที่เกาะแขนเฟลิกซ์ไว้เอื้อมมือยื่นไปสะกิดคนที่เดินอยู่ด้านหน้าสุดให้ชะลอความเร็วในการเดินลงจากอาการเวียนหัวที่เริ่มมากจนทนไม่ค่อยจะไหว
“ได้สิ พวกเราก็ออกมาห่างพอสมควรแล้ว ข้าว่าน่าจะพ้นแล้วล่ะ”
ฟินตันถอนหายใจออกมาเมื่อได้ยินคำตอบนั้น ถ้าได้เดินช้าลงหรือหยุดพักเสียหน่อย อาการที่เขาเป็นในตอนนี้ที่เป็นผลจากยังมีคริสตัลสีดำตกข้างนั้นจะต้องดีขึ้นบ้างแน่นอน
ชิ้ง!
“พวกเจ้าคิดหรือว่าปลอดภัยแล้วน่ะ?”
ที่ลำคอของฟินตันมีวัตถุเย็น ๆ สีเงินทาบอยู่ ความรู้สึกเช่นนี้เจ้าตัวไม่ต้องมองก็พอจะเดาได้ว่าคือดาบแน่นอน
ดานัลนำทางดักลาสซ์และลูกน้องบางส่วนมาจนทันกลุ่มของฟินตัน และในตอนนี้ก็ค่อย ๆ เผยตัวเองออกมาจากความมืดของสองข้างทางทีนะคน พวกฟินตันโดนล้อมเอาไว้หมดแล้วโดยสิ้นเชิง
“ฟินตัน! อึก-”
“อ๊ะ อ๊ะ อย่าทำอะไรตุกติกจะเป็นการดีกว่านะข้าว่า”
บอลด์วินที่กำลังจะพุ่งเข้าไปหาฟินตันเองก็ถูกดาบเล่มคมจี้เอาไว้ที่คอเฉกเช่นเดียวกัน ส่วนเฟลิกซ์นั้นถูกมัดมือไขว้หลังเอาไว้แล้วด้วยเชือกเส้นหนาที่สร้างความเจ็บปวดให้กับข้อมือของเขา ไม่มีใครสามารถที่จะโจมตีได้เลยในตอนนี้ และหากโจมตีออกไปก็คงจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดีด้วย
“อัศวินของเจ้าทำข้าเสียตาข้างซ้ายไป ข้าขอมันคืนจากเจ้าดีหรือเปล่าล่ะ ฟินตัน?”
ดักลาสซ์กล่าวพร้อมใช้มือลูปไปตามโครงหน้าของฟินตัน ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ดวงตาข้างซ้ายของเจ้าชายหนุ่ม นิ้วมือของดักลาสซ์ถ่างเปลือกตาให้ดวงตาสีน้ำตาลไม่อาจจะหลบซ่อนเอาไว้ได้ ก่อนที่มืออีกข้างจะลดดาบที่จ่อคออีกฝ่ายอยู่ลง แล้วหยิบมีดสั้นมาจี้ข้าง ๆ ดวงตานั้นไว้แทน
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ เจ้าน่ะ อั่ก!”
บอลด์วินที่ดิ้นพร้อมตะโกนห้ามถูกหนึ่งในลูกน้องของดักลาสซ์เตะเข้าที่ท้องอย่างแรงจนทรุดลงกับพื้น
“บ- บอลด์วิน อึก- โธ่เว้ย”
ฟินตันพยายามจะขยับตัวบ้าง แต่มีดที่จี้ดวงตาด้านซ้ายของเขาไว้อยู่ก็ขยับเข้ามาใกล้ขึ้น เขาจึงต้องล้มเลิกการกระทำนั้นโดยทันทีถ้ายังอยากมีตาทั้งสองข้างอยู่
“พวกเจ้ามันไม่เห็นว่าจะมีฤทธิ์เดชอะไรมากเลย แล้วยังคิดการใหญ่อย่างการจะทวงอาณาจักรคืนอีกหรือ น่าสมเพชยิ่งนัก”
ดักลาสซ์กล่าวพร้อมกับยื่นใบหน้าของเขาเข้าไปใกล้ฟินตันมาก ก่อนจะเห็นว่าแท้จริงแล้วเจ้าชายคนนี้ก็น่าจะเป็นสิ่งให้ความบันเทิงกับเขาได้บ้างก่อนที่จะโดนเขาฆ่าทิ้งเสีย
“จะว่าไปแล้วเจ้าก็น่ารักดีนี่ ไหน ๆ เจ้าก็ต้องตายอยู่แล้ว ข้าขอใช้เจ้าเป็นของเล่นเสียหน่อยก็แล้วกันนะ”
ลิ้นของดักลาสซ์เลียไปตามกรามของฟินตัน ก่อนที่จะส่งเข้าไปภายในปากของอีกฝ่าย ภาพนี้อยู่ภายใต้การมองดูของเฟลิกซ์และโดยเฉพาะอย่างยิ่งบอลด์วินกันทั้งคู่ และพวกเขาไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เลยนอกจากมองดูเฉย ๆ ด้วยความโกรธแค้นภายในใจ
“อึก ห- หยุดเดี๋ยวนี้นะ แฮ่ก…”
ทันทีที่ปากของฟินตันเป็นอิสระ เขาก็พยายามที่จะพูดสั่งให้อีกฝ่ายหยุดการกระทำของเขาทันที แม้จะรู้ว่าที่พูดไปทั้งน้ำตาที่เริ่มเอ่อออกมาจากตาทั้งสองข้างแล้วก็ไม่อาจเปลี่ยนใจอีกฝ่ายได้แน่ ๆ ก็ตาม
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะชอบสินะ”
ไม่ ฟินตันรู้สึกขยะแขยงถึงที่สุดกับสิ่งที่พึ่งเกิดขึ้นไป แต่ร่างกายของเขามันร้อนมากเลยในตอนนี้ มันผิดปกติ
“ร่างกายของเจ้ามันไม่โกหกข้าหรอก”
ฝ่ามือของดักลาสซ์มีแสงสีแดงสว่างขึ้นเมื่อลูบผ่านลำตัวของฟินตัน ตามมาด้วยความร้อนของร่างกายที่เริ่มพุ่งสูงขึ้น การหายใจหอบเหนื่อย สายตาเริ่มพร่ามัว เวทมนตร์เองก็สามารถใช้ในการทำเรื่องตำช้าเช่นนี้ได้เช่นกัน
กางเกงของฟินตันถูกปลดลงกับพื้น ฝ่ามือหยาบกระด้างสัมผัสส่วนด้านหน้าของฟินตันที่มีความรู้สึกอ่อนไหว ของเหลวใสซึมเปื้อนออกมาตามการสัมผัสแต่ละครั้งของดักลาสซ์ ความพะอืดพะอมภายในใจมันมากจนฟินตันกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เขารู้สึกไม่ดีเอามาก ๆ เลย
“บ- บอลด์วิน เจ้าหลับตาได้หรือเปล่า? เฟลิกซ์ ฮึก… เจ้าก็ด้วย”
เมื่อไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรแล้ว ฟินตันก็เหลือสิ่งที่ทำได้เพียงแค่ขอให้สหายของเขาทั้งสองหลับตาลงเพื่อจะได้ไม่เห็นภาพอันไม่น่าอภิรมย์ของเขา สีหน้าอันเจ็บปวดของบอลด์วินที่ฟินตันเห็นก็ยิ่งตอกย้ำให้เขารู้ว่าบอลด์วินไม่ควรที่จะเห็นสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปนี้เป็นอันขาด
“อย่าหลับตาเสียสิพวกเจ้าน่ะ นี่มันจะพึ่งเริ่มต้นเท่านั้น รอชมอะไรดี ๆ ก่อนไม่ดีกว่าหรือ? ข้าอยากจะรู้เสียจริงว่าภายในของเชื้อพระองค์นั้นมันเป็นอย่างไร จะรัดข้าแน่นหรือไม่?”
“อ๊ะ! ห- หยุดนะ”
นิ้วมือของดักลาสซ์ล่าถอยจากส่วนด้านหน้าของฟินตันและสอดเข้าไปในช่วงทางข้างหลังโดยอาศัยความชื้นแฉะจากส่วนหน้าในการช่วยให้มันเข้าไปได้โดยง่าย ขาทั้งสองข้างของฟินตันสั่นไหวจนทรงตัวเอาไว้ได้ยากและเกือบจะทรุดลง
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ! เจ้าต้องการอะไร ข้ายอมทุกอย่างแล้ว ขอร้อง ปล่อยฟินตันเถอะนะ”
บอลด์วินก้มหัวลงกับพื้นเป็นการยอมแพ้ เขาทนเห็นภาพตรงหน้าไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เขาไม่อยากเห็ฟินตันถูกทำให้แปดเปื้อนไปด้วยตาของตนเองเช่นนี้
“พูดไปก็เปล่าประโยชน์ ข้าไม่ต้องการอะจากพวกเจ้าหรอกนะ นอกจากให้พวกเจ้าเห็นเจ้าชายที่พวกเจ้าเคารพนักหนาน่ะ มันได้กลายไปเป็นทาสกามของข้าก็เท่านั้นแหละ ฮ่ะ ๆๆๆ”
มือของบอลด์วินกำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าหาเนื้อจวนเกือบจะเกิดแผลขึ้น เขาสบตากับเฟลิกซ์แต่อีกฝ่ายก็ส่ายหน้าออกมา พวกเขาสิ้นสุดลงแค่นี้แล้วจริง ๆ
“อึก- ฮึก- แฮ่ก...”
เสียงของฟินตันค่อย ๆ เล็ดลอดออกมาทีละน้อยตามจังหวะการขยับของมือของดักลาสซ์ ภายในน้ำเสียงนั้นไม่มีอารมณ์ร่วมใด ๆ อยู่ทั้งนั้น แต่ก็ไม่สามารถที่จะกลั้นเอาไว้ได้จริง ๆ
“เท่านี้ก็น่าจะพอแล้ว ไหนข้าขอดูเสียหน่อยว่าภายในของเจ้ามันจะรัดของของ ข้าแน่นสักเพียงไหนกั- อั่ก”
“อ๊ากกกก”
“แอ่ก”
แต่แล้วจู่ ๆ ในตอนที่ฟินตันกำลังหลับตายอมรับชะตากรรมสุดท้ายของตน ดักลาสซ์ก็มีเลือดไหลออกมาจากลำคอเป็นจำนวนมากแล้วล้มลงกับพื้น ตามมาด้วยลูกน้องคนอื่น ๆ ที่ทยอยล้มลงไปทีละคนโดยไร้ซึ่งสาเหตุ
“อะไรกัน ใครเป็นผู้โจมตี!?”
เหล่าคนที่ยังมีชีวิตอยู่ต่างพากันแตกตื่นพร้อมกับมองหาต้นตอของสิ่งที่ทำให้พวกของพวกเขาล้มตายไปทีละคน แต่ก็ไม่พบเลย มันมีแต่เพียงความว่างเปล่า ราวกับว่าอากาศมันได้บาดลำคอของพวกเขาไปเฉย ๆ
“เวทมนตร์หรือ หรือพลังจิต?”
“ช- ช่วยข้าด้- แอ่ก!”
 
เมื่อทุกอย่างค่อย ๆ สงบลงหลังจากที่หน่วยเจ้าหน้าที่ที่เหลืออยู่ต่างพากันล่าถอยออกไป แม้จะมีคำถามมากมายว่าเหตุใดศัตรูทั้งหมดจึงได้ล้มตายไปจนหมดแล้วเหลือเพียงคณะเดินทางทั้งสาม แต่ในตอนนี้ที่รู้สึกว่าปลอดภัยแล้วนั้น บอลด์วินก็ค่อย ๆ พยุงตนเองลุกขึ้นเดินเข้าไปหาคนตัวเล็กกว่าที่นั่งกอดตัวเองร้องไห้อยู่บนพื้นช้า ๆ เพราะความเจ็บปวดที่ท้องที่ยังคงมีอยู่ การสั่นกลัวของฟินตันในตอนนี้มันบีบหัวใจของเขามาจริง ๆ
“ฟินตัน...”
“ฮึก- ข้า... ฮือ...”
บอลด์วินสวมกอดเจ้าชายตรงหน้าที่พึ่งผ่านเหตุการณ์เลวร้ายไปเอาไว้แน่น เขาหวังว่าอย่างน้อยอ้อมกอดนี้จะช่วยสมานรอยแตกร้าวของคนผมสีน้ำตาลตรงหน้าได้บ้างไม่มากก็น้อย
“เจ้าปลอดภัยแล้ว ไม่ต้องกลัวแล้วนะ”
ฟินตันกอดตอบบอลด์วินแล้วซุกใบหน้าลงกับไหล่แกร่ง ถัดออกไปด้านหลังของบอลด์วินนั้น เฟลิกซ์เองก็ค่อย ๆ แกะเชือกที่มันมือกับเท้าของเขาเอาไว้ออก พร้อมกับส่งยิ้มมาให้เล็กน้อยเป็นการปลอบ
แต่แล้วในความมืดมิดด้านหลังเฟลิกซ์ออกไป เงาสีดำค่อย ๆ ปรากฏขึ้นแล้วเดินมาทางพวกเขาอย่างช้า ๆ เมื่อเริ่มเข้ามาใกล้ก็เริ่มเห็นโครงร่างชัดเจนขึ้น เป็นคนสวมผ้าคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้า และจากท่าทางการเดินและส่วนสูงแล้วน่าจะเป็นผู้หญิง
“ค- ใครน่ะ?”
เฟลิกซ์ที่เห็นสายตาของฟินตันจับจ้องไปด้านหลังของเขาก็เลยหันตามไปมอง แล้วพอเห็นเข้ากับผู้มาเยือนคนใหม่ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลเขาก็ตะโกนถามพร้อมตั้งท่าเตรียมตั้งรับการโจมตีทันที
“อะไรน่ะ ฟินตัน อยู่ข้างหลังข้าเอาไว้”
บอลด์วินเองก็เตรียมตัวพร้อมที่จะสู้แล้วเช่นกัน เขาลุกขึ้นยืนแล้วเริ่มรวบรวมกระแสลมเอาไว้ในฝ่ามือเพื่อเตรียมให้เป็นอาวุธ
ผู้มาเยือนคนใหม่นั้นหยุดเดิน พร้อมกับยกมือขึ้นมาด้านหน้าทั้งสองข้าง ก่อนจะค่อย ๆ เอื้อมมือข้างหนึ่งไปถอดผ้าคลุมส่วนที่ปิดศีรษะเอาไว้ออก
ภาพตรงหน้าทำให้ทั้งบอลด์วินและฟินตันตาเบิกกว้าง พวกเขาไม่คิดเลยว่าผู้มาเยือนคนใหม่นี้จะเป็นคนที่ไม่คาดคิดคนนี้
“นอร่า!”